skip to Main Content
ส.ก.เขตยานนาวา จี้ อัปเดต CCTV กทม. มอง ล้าหลัง-เสี่ยงถูกแฮ็ก เสนอทุ่มงบแก้ปัญหายกชุด

ส.ก.เขตยานนาวา จี้ อัปเดต CCTV กทม. มอง ล้าหลัง-เสี่ยงถูกแฮ็ก เสนอทุ่มงบแก้ปัญหายกชุด

วันนี้ 9 กรกฎาคม 2568 การประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สาม (ครั้งที่ 2) พ.ศ. 2568 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา โดยนายพุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตยานนาวา เสนอญัตติเรื่องขอให้กรุงเทพมหานครพัฒนาระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ของกรุงเทพมหานครให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมทุกพื้นที่

.

นายพุทธิพัชร์ กล่าวว่า โครงการ CCTV ของกรุงเทพมหานคร เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2010

ซึ่งในสมัยนั้นยังเป็นช่วงต้นต้นที่นำเทคโนโลยีและการเข้ารหัสวิดีโอขั้นสูง หรือเรียกอีกอย่างว่า H.264 ซึ่งปัจจุบัน มีการจัดเก็บข้อมูลให้เล็กลงจึงทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้นเป็นระบบใหม่ที่เรียกว่า H.265 ซึ่งความจำกัดทางงบประมาณของกรุงเทพมหานครปีละเกือบแสนล้านที่ต้องไปจ่ายหลายอย่างจึงจะไม่สามารถที่ทำให้อัพเกรดกล้องวงจรปิดให้อยู่ในสภาพที่ทันสมัยและพร้อมที่จะใช้ดูแลพี่น้องประชาชนได้อย่างเต็มที่

นายพุทธิพัชร์ กล่าวว่า  Windows server 2016 กำลังจะหมดอายุสิ้นปีนี้ แต่ไม่ต้องตื่นเต้นเพราะกล้องบางตัวของกรุงเทพมหานครยังใช้แค่ Windows 7 อยู่เลยและส่วนใหญ่ก็เป็น Windows 10 โดยไม่มีการอัพเกรดใดๆ ทั้งสิ้นเพราะมันล้าหลังมากๆ โดยตนเองได้ข้อมูลมาจากสำนักสถาบันวิชาการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติระบุว่า การเข้าสู่ระบบของเว็บไซต์ในกรุงเทพมหานครถูกแฮ็กข้อมูลได้ง่ายมาก โดยระบบแจ้งเหตุกลายเป็นช่องทางให้ผู้ไม่หวังดีส่งข้อมูลปลอมมาหลอกลวงได้เนื่องจากเราเปิดกว้าง เหมือนกับการเปิดหน้าต่างกว้างๆ ก็จะยิ่งทำให้สิ่งไม่ดีเข้ามาจู่โจมได้ไวมากขึ้น

จากการวิเคราะห์สาเหตุความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับระบบของสำนักดิจิทัลฯ กรุงเทพมหานคร เราได้มีการป้องกันการโจมตีจากแฮ็กเกอร์ได้ ในการแฮ็กข้อมูลเพื่อมาสอดแนมของการทำงานของกล้องและเอาไปทำในสิ่งที่ไม่ดี ถ้าต่อไปเปลี่ยนสัญญาณไฟจราจร กรุงเทพมหานครใช้ระบบเครือข่ายทั้งหมดก็อาจจะเข้ามาแฮ็กข้อมูลและเปลี่ยนไฟแดงตลอดเวลาเหมือนในหนังต่างประเทศก็ได้

ส่วนเรื่องของคุณลักษณะซอฟต์แวร์ของกรุงเทพมหานคร เป็นรุ่นเก่าจริงๆ อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งเรายังมีการวิเคราะห์วิดีโอภาพต่างๆ ที่เป็นระบบจับหน้า จับทะเบียนรถ วิเคราะห์ได้ว่าเป็นรถชนิดใดแต่ทางกรุงเทพมหานครยังไม่มี และยังมี AI ตรวจจับและเบลอใบหน้าเพื่อป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล PDPA

ส่วนการเปรียบเทียบการบำรุงรักษาอายุการใช้งานปัจจุบันในกรุงเทพมหานคร ใช้มามากกว่า 15 ปีแล้ว บางตัวตกรุ่น บางตัวเลิกผลิต ไม่มีอะไหล่ การซ่อมสุดท้ายทำได้เพียงแค่เปลี่ยนเลนส์กล้องเพื่อให้ดีขึ้น แต่ที่เหลือยังเหมือนเดิมเทคโนโลยีก็ไม่มีการอัปเดต ระบบการปฏิบัติการของแม่ข่ายก็เป็นเซิร์ฟเวอร์ 2008/2012 อยู่เลย ตนมองว่าเป็นช่องโหว่เรื่องความปลอดภัยที่ไม่รองรับฟังก์ชันใหม่ในปัจจุบัน แต่ถ้าเป็นตัวใหม่เราจะได้ Windows  ที่ดีขึ้น และการกำหนดการบันทึกของกล้องปัจจุบันบันทึกภาพได้เพียงแค่ 7 วัน ซึ่งตนมองว่าระยะเวลาแค่แป๊บเดียวหากเราต้องใช้ภาพจากกล้อง กว่าจะแจ้งไปเข้าหน่วยงานราชการ ก็หมดเวลาแล้ว หมดระยะเวลาบันทึกภาพบ้างหรือเสียบ้าง การประมวลผลก็ล่าช้า นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังมีกล้องรุ่นเก่าที่เป็น D1 ที่เป็นกล้องความละเอียดต่ำอยู่เป็นจำนวนมากโดยความละเอียดของกล้องไม่ถึงหนึ่งล้านพิกเซล และชำรุดบ่อยมีอายุใช้งานแค่ 15 ปี

.

นายพุทธิพัชร์ กล่าวว่า นี่เป็นเรื่องที่เราต้องใช้ ถ้าไม่ซ่อมเล็กก็ซ่อมใหญ่ แต่งบบำรุงรักษาคิดเป็นเงิน 800-900 ล้านบาททุกปี โดยคิดจาก 8% ของงบลงทุนคือ 10,000 ล้านบาท จากแรกเริ่มที่กรุงเทพมหานครได้มีการลงทุนโครงการ CCTV เมื่อ 15 ปีที่แล้ว หากมีการลงทุนปรับปรุงกล้องวงจรปิดที่มีความละเอียดต่ำเป็นกล้องที่มีความคมชัด 2 ล้านพิกเซล

จากข้อมูลในปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีกล้องอยู่ประมาณ 38,000 ตัว ซึ่งคิดเป็นประมาณ 50% ของกล้องทั้งหมดที่ต้องบำรุงรักษาทุกปี ตัวกล้อง 2 ล้านพิกเซลราคาของกล้องอยู่ที่ตัวละ 22,000 บาทตามราคาของกรมบัญชีกลาง จะใช้งบประมาณในการลงทุนอยู่ที่ 660 ล้านบาท ส่วนการปรับปรุงห้องควบคุม control ใช้งบประมาณที่ 1,000 ล้านบาท รวมการลงทุนการเปลี่ยนกล้อง D1 และห้องควบคุมทั้ง 50 เขตจะใช้งบประมาณอยู่ที่ 1,660 ล้านบาท

หากเปลี่ยนเป็นกล้องดิจิทัล จะใช้งบบำรุงรักษาเหลือ 50% จากเดิม 520 ล้านบาทเป็นวงเงิน 260 ล้านบาท งบบำรุงรักษาห้องควบคุมอีกทั้งหมด 200 ล้านบาท รวมเป็น 460 ล้านบาทต่อปี รวมระยะเวลาติดตั้งและช่วงรับประกัน 2 ปี รวมเป็นเงินบำรุงรักษาราว 1,380 ล้านบาทที่ไม่ต้องเสียทุกปี และหลังจากปีที่ 3 ค่าบำรุงรักษาคิดแค่ 8% ของงบลงทุน 1,660 ล้านบาทเป็นเงิน 132.8 ล้านบาท จากเดิมที่ กทม.จ่ายเงินบำรุงรักษาส่วนนี้ต้องจ่ายถึง 460 ล้านบาท จะลดเหลือ 132.8 ล้านบาททันที ซึ่งจะช่วยให้ กทม.ประหยัดงบประมาณได้ถึง 327.2 ล้านบาทต่อปี

.

นายพุทธิพัชร์ กล่าวอีกว่า ตนได้มีการหารือแนวทางป้องกันเฝ้าระวังและรับมือการโจมตีทางไซเบอร์ให้กับหน่วยงานกรุงเทพมหานครอีกด้วย โดยมีคำแนะนำว่าให้อัพเดทซอฟต์แวร์และระบบอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดและติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ต้องมีการสำรองข้อมูลอย่างปลอดภัย มีการยกระดับความปลอดภัยด้วยการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน มีการแต่งตั้งการเสริมบทบาทของ DPO และ CISO การตั้ง SOC ตลอดจนตรวจสอบและวิเคราะห์กิจกรรมในเครือข่ายอย่างสม่ำเสมอ ใช้ AI อย่างมีจริยธรรม ส่งเสริมการใช้รหัสผ่านที่ปลอดภัยมีการกำกับดูแลคัดเลือกบริษัทที่มีประสบการณ์และความสามารถความปลอดภัยเพื่อมาดูแล ถ้าเป็นไปได้อยากจะเห็นถึงความสำคัญและความปลอดภัย ทั้งข้าราชการที่ทำงานและประชาชนที่ต้องใช้แพลตฟอร์มนี้ รวมถึงการเข้าถึงและการดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่

.

ด้านนายกิตติพงศ์ รวยฟูพันธ์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตทุ่งครุ ร่วมอภิปรายว่า เวลาประชาชนร้องเรียนเรื่องกล้องวงจรปิดมา เราก็จะบอกว่าให้ไปติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สิ่งแรกที่ประชาชนต้องไปก็คือสถานีตำรวจเพื่อขอแจ้งบันทึกประจำวันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่เจอบ่อยมากคือซอยนั้นไม่มีกล้อง หรือถนนเส้นนั้นกล้องไม่ครอบคลุม ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีสมาชิกท่านอื่นได้เคยอภิปรายไปแล้วว่าในงบประมาณหลายปีที่ผ่านมา เรามีความรู้สึกว่างบประมาณของกรุงเทพมหานครโดยสํานักการจราจรและขนส่งมีจำนวนกล้องไม่เพียงพอ ในวันนี้เรายังไม่ได้อภิปรายร่างงบประมาณ แต่ดูคร่าวๆ แล้วคิดว่าปีนี้ก็ไม่ต่างจากปีเดิม คือไม่เพียงพอ

.

ด้านนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ทุกอย่างที่สมาชิกสภากรุงเทพมหานครอภิปรายมาเป็นความจริง ฝ่ายบริหารก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ปัญหากล้องวงจรปิดในกรุงเทพมหานครเราเก่า  ซึ่งหลายคนคงทราบกัน และปัญหาจำนวนที่ไม่เพียงพอ กล้องของเรามีประมาณทั้งหมดมากกว่า 65,000 กล้อง เป็นรุ่นเก่าอายุมากกว่า 18 ปี ส่วนกล้องดิจิตอลมีอายุมากกว่า 8 ปี ซึ่งปีที่ผ่านมางบปี 2568 ต้องขอบคุณทางสภากทม. ที่ได้อนุมัติงบประมาณ มาเปลี่ยนกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่คุณภาพ 2 ล้านพิกเซล จำนวน 2,900 กล้อง ถ้าเราดูระบบเรื่องของกล้องเราดูแค่ตัวกล้องอย่างเดียวไม่พอ และเรื่องของซอฟต์แวร์อีกด้วย อีกตัวหนึ่งคือเน็ตเวิร์คการเชื่อมโยงข้อมูล รวมไปถึงเซิร์ฟเวอร์โครงสร้างของ กทม.เป็นโครงสร้างที่ค่อยๆ ทำ เลยทำให้โครงสร้างเครือข่ายเราใช้ประโยชน์อย่างไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้งบประมาณในการบำรุงรักษาค่อนข้างสูง

.

สิ่งที่เราดำเนินการต่อคือ การเปลี่ยนกล้องจากอนาล็อกเป็นดิจิตอล โดยเรามีการกำหนดมาตรฐานขึ้นมาใหม่ โดยกล้องรุ่นใหม่จะต้องมีความคมชัด 2-5 ล้านพิกเซล ส่วนในกลุ่มดิจิตอลที่มีอายุมากกว่า 8 ปีก็จะเป็นกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ และเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องชนิดดิจิตอล มีระบบ AI ประมวลผลที่ตัวกล้องเพื่อตรวจจับการฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร รวมถึงการเพิ่มจำนวนและประสิทธิภาพกล้อง โดยการเชื่อมกล้องจากภาคเอกชนหรือหน่วยงานอื่นๆ เพื่อประหยัดงบประมาณของเรา ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินโครงการศูนย์ควบคุมและบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีการจราจรและความปลอดภัยของกรุงเทพมหานคร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในต้นปี 2569

.

นายพุทธิพัชร์ กล่าวว่า ฝากฝ่ายบริหารผลักดันงบประมาณให้ดีขึ้น ที่ตนเข้ามาศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจังเพราะเขตของตนเองนั้น อยู่ใจกลางเมืองที่อยู่อาศัยหนาแน่นและกล้องวงจรปิดน้อย “เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย” อย่าเสียกะปริบกะปรอย ทุกๆ ปีอย่างนี้เลยลงทุนทีเดียวเอาให้จบ “เจ็บนิดเดียวแต่สำเร็จ”

ผู้ชมทั้งหมด 156 ครั้ง, ผู้ชมวันนี้ 4 ครั้ง

This Post Has 0 Comments
กรุณาเข้าสู่ระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็น
Back To Top