skip to Main Content
งบปี 69 เดือด! สภา กทม.อภิปรายยาว 6 ชม. ก่อนเลื่อนถกต่อจันทร์หน้า ส.ก.รุมจี้หนัก! ตั้งคำถามซ้ำซ้อน-เบี้ยหัวแตก พีอาร์ คล้ายปูพรมหาเสียงล่วงหน้า ด้าน“ชัชชาติ” สวนแรง “ไม่มีคำว่าหาเสียงในงบนี้!”แค่ทำงานให้ดีที่สุด

งบปี 69 เดือด! สภา กทม.อภิปรายยาว 6 ชม. ก่อนเลื่อนถกต่อจันทร์หน้า ส.ก.รุมจี้หนัก! ตั้งคำถามซ้ำซ้อน-เบี้ยหัวแตก พีอาร์ คล้ายปูพรมหาเสียงล่วงหน้า ด้าน“ชัชชาติ” สวนแรง “ไม่มีคำว่าหาเสียงในงบนี้!”แค่ทำงานให้ดีที่สุด

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สาม (ครั้งที่ 5) พ.ศ. 2568 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการ กทม. 2 (ดินแดง) มีการพิจารณาร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2569 ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง

ทั้งนี้สมาชิกต่างอภิปรายแสดงความเห็นอย่างหลากหลาย อาทิ นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ส.ก.เขตลาดกระบัง เสนอแนวทางแก้ปัญหาจราจรในกทม.แบ่งเป็นพื้นที่ชั้นในและชั้นนอก โดยชั้นในควรเพิ่มเส้นทางเชื่อมต่อ (Feeder) ระบบไฟจราจรอัตโนมัติ กล้องวงจรปิด และพิจารณาเก็บค่าธรรมเนียมรถเข้าเขตมลพิษต่ำช่วงเร่งด่วน

ส่วนชั้นนอกเสนอให้มีเรือไฟฟ้าโดยสารตามคลอง พร้อมบูรณาการกับกรมขนส่งทางบก รวมทั้งเรียกร้องให้แปรงบกลับมาใส่งบโครงการแก้มลิงบึงสวนพระนคร และเพิ่มงบพัฒนาศูนย์เด็กเล็กทั้งด้านอาคารและการดูแลหลังเลิกเรียน

นางกนกนุช กลิ่นสังข์ ส.ก.เขตดอนเมือง สนับสนุนโครงการ “ไม่เทรวม” ของสำนักสิ่งแวดล้อม เพราะช่วยให้ กทม. สะอาดและส่งผลดีต่อสุขภาพประชาชน แต่เสนอให้เพิ่มการอบรมและเตรียมความพร้อมบุคลากรที่ปฏิบัติงานจริง เพื่อให้เข้าใจประโยชน์ของโครงการ และสามารถทำงานร่วมกับชุมชนและหน่วยงานรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำนักวัฒนธรรม ฯควร จัดงบปรับปรุงห้องสมุดชุมชนที่ทรุดโทรม จัดตั้งศูนย์นันทนาการรองรับผู้สูงอายุ ส่งเสริมการท่องเที่ยววัฒนธรรมท้องถิ่น และสนับสนุนให้มีการแข่งขัน “กีฬาชนไก่” ในพื้นที่รอบนอกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายสราวุธ อนันต์ชล ส.ก.เขตพระโขนง อภิปรายวิจารณ์งบประมาณสำนักระบายน้ำ กทม. ปี 2569 โดยชี้ว่าโครงการระบายน้ำหลายโครงการล่าช้าสะสม บางโครงการ เช่น อุโมงค์บึงหนองบอน ล่าช้านานนับสิบปี ขยายสัญญาถึง 3 ครั้ง โดยเฉพาะปัญหาการประสานงานกับหน่วยงานอื่นที่ไม่รอบคอบตั้งแต่ต้น สะท้อนถึงความไร้ประสิทธิภาพ พร้อมชี้ผู้ว่าฯ กทม. ว่าทำได้เพียง “เส้นเลือดฝอย” แต่จัดการ “เส้นเลือดใหญ่” ไม่เป็น

นายนภาพล จีระกุล ส.ก.เขตบางกอกน้อย อภิปรายตั้งข้อสังเกต โดยชี้ว่าขาดโครงการสำคัญด้านการศึกษา เช่น ห้องเรียนอนุบาลต้นแบบและการพัฒนาครู พร้อมเสนอให้ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในโรงเรียนเพื่อลดค่าใช้จ่าย วิจารณ์สำนักพัฒนาสังคมที่มีโครงการส่งเสริมเด็กเล็กน้อยเกินไป และ สะท้อนปัญหาด้านจราจร ทั้งการละเลยป้ายจราจร ความไม่คุ้มค่า BRT และการไม่ตั้งงบค่าจ้างเดินรถสายสีเขียว รวมถึงตั้งคำถามถึงงบของสำนักการโยธาและสำนักป้องกันฯ ที่กระจุกเฉพาะบางพื้นที่

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ชี้แจงเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่าอยู่ระหว่างหารือกับคณะกรรมการวิสามัญเพื่อพิจารณาหนี้ในอดีตและอนาคต โดยต้องคำนึงถึงภาพรวมร่วมกับนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทของรัฐบาล และจะนำเข้าสู่การพิจารณาของสภา ส่วนการใช้ที่ปรึกษาคุมงานเป็นแนวทางของฝ่ายบริหารในโครงการที่ซับซ้อน เช่น อาคารขนาดใหญ่หรือโรงพยาบาล เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติ เช่น แผ่นดินไหว

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม. ชี้แจงว่า สำนักการศึกษามีงบประมาณปี 2568 อยู่แล้วจึงไม่ได้ของบเพิ่มในปีนี้ ส่วนโครงการโซลาร์รูฟท็อปมีการทำบันทึกข้อตกลงกับการไฟฟ้า เตรียมติดตั้งในโรงเรียนที่มีค่าไฟเกิน 100,000 บาทต่อเดือน 40 แห่ง โดยขณะนี้สำรวจแล้ว 25 แห่ง สำหรับงบดูแลเด็กเล็กก่อนวัยเรียน สำนักพัฒนาสังคมได้กระจายอำนาจให้ชุมชน พร้อมสนับสนุนงบค่าผู้ดูแลเด็ก อาหาร ขนม และวัสดุอย่างต่อเนื่อง

นายกิตติพงศ์ รวยฟูพันธ์ ส.ก.เขตทุ่งครุ ทวงถามความคืบหน้าโครงการถนนสาย ฉ1 และ ง21 โดยเสนอให้เริ่มใส่ “หัวเชื้อ” โครงการตั้งแต่ปีนี้ เพราะหากครบวาระ 4 ปีของผู้บริหารแล้วจะได้เพียงแค่ขั้นตอนเวนคืน พร้อมตั้งข้อสังเกตเรื่องการจ้างที่ปรึกษาหลายโครงการที่ล่าช้า และถามถึงความรับผิดชอบกรณีเกิดปัญหา เช่น สะพานถล่มลาดกระบัง

นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. ชี้แจงว่า ถนนสาย ฉ1 แบ่งเป็น 5 ช่วง งบรวมกว่า 10,000 ล้านบาท ขณะนี้เวนคืนช่วงแรกคืบหน้า 90% และจะเร่งรัดเวนคืนให้เสร็จจึงจะของบก่อสร้าง เพื่อกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น เมื่อเสร็จช่วงนี้แล้วส่วนที่เหลือจะดำเนินการต่อเป็นช่วงๆ ไป ส่วนเรื่องความรับผิดชอบของที่ปรึกษานั้น มีมาตรฐานวิชาชีพสภาวิศวกรกำกับอยู่แล้ว

ด้าน รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. ชี้แจงว่า ระบบ Health Tech ของสำนักการแพทย์และอนามัยเป็นระบบเชื่อมโยงทั่วประเทศ จึงไม่สามารถรื้อใหม่ง่ายๆ แต่ได้ปรับปรุงให้ใช้งานร่วมกับระบบอื่นมากขึ้นแล้ว

น.ส.เมธาวี ธารดำรงค์ ส.ก.เขตปทุมวัน สนับสนุนโครงการ “ไม่เทรวม” แต่ตั้งข้อสังเกตว่าการจัดซื้อถังขยะ 240 ลิตรเพียง 12,500 ใบ เฉลี่ยเขตละ 250 ใบ ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของแต่ละชุมชน และไม่มีการจัดถังตามประเภทขยะ พร้อมขอให้ผู้บริหารวางโมเดลให้ชัดเจนก่อนเดินหน้านโยบาย อีกทั้งยังสะท้อนปัญหารถสูบสิ่งปฏิกูลในพื้นที่ที่มีอยู่ 6 คัน แต่เข้าไม่ถึงชุมชนแออัด จึงเสนอให้พิจารณาใช้งบแปรหากไม่สามารถตั้งงบใหม่ได้ในปีนี้

นายณภัค เพ็งสุข ส.ก.เขตลาดพร้าว ตั้งข้อสังเกตว่า งบประชาสัมพันธ์ของสำนักปลัด กทม. ถูกแยกย่อยหลายโครงการจนดูเหมือนเบี้ยหัวแตก แต่เมื่อนำมารวมกันกลับมีมูลค่าสูงถึง 106 ล้านบาท ยังไม่รวมไปอยู่สำนักอื่นอีก การใช้จ่ายขาดความชัดเจน ไม่มีตัวชี้วัดผลที่แท้จริง หลายโครงการมีเนื้อหาคล้ายกัน เช่น นโยบาย 9 ด้าน 9 ดี และการสื่อสารผ่านทีวีที่ตั้งงบถึง 4.5 ล้านบาท พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าโครงการเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการฟังเสียงประชาชนจริงหรือเป็นเพียงการสร้างภาพ

“ผู้ว่าฯ ของเราดูพร้อมจะเลือกตั้งที่สุดแล้ว ถ้าดูงบประมาณ ใครอยากรู้บ้างว่าผู้ว่าจะลงสมัยหน้าหรือไม่ ผมคิดว่าดูงบประมาณประชาสัมพันธ์ลงแน่นอน ลงแน่ๆ ”

ด้านนายชัชชาติ ชี้แจงว่าการสื่อสารเป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาเมือง เพราะต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนที่เข้าใจและเดินไปพร้อมกับนโยบายของ กทม. ยืนยันว่าเนื้อหาประชาสัมพันธ์ไม่มีเรื่องการหาเสียง และไม่มีคำว่า “ชัชชาติ” อยู่ในร่างงบประมาณดังกล่าวเลย พร้อมย้ำว่า การหาเสียงที่ดีที่สุดคือการทำงานให้ดีที่สุด ไม่ใช่การโปรโมตตนเอง

นายธนวัฒน์ เชิดชูกิจกุล ส.ก.เขตประเวศ อภิปรายเรียกร้องให้เร่งจัดสรรงบเพื่อซ่อมแซมศูนย์กีฬาและศูนย์นันทนาการที่มีอยู่เดิม ซึ่งทรุดโทรมอย่างหนัก โดยเฉพาะกรณีศูนย์นันทนาการ 34 แห่งที่ได้งบเพียง 9 แห่ง พร้อมเสนอให้มีผู้ดูแลประจำศูนย์เพื่อแก้ปัญหาได้ทันท่วงที นอกจากนี้ยังสะท้อนปัญหาโรงเรียนในพื้นที่ 16 แห่ง ที่ไม่ได้รับงบซ่อมแซม และเสนอให้ยกเลิกเตาเผาขยะติดเชื้อเก่าที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2537 เพื่อสร้างใหม่ที่ปลอดภัยต่อชุมชน

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม. ชี้แจงว่า ตั้งใจที่จะปรับปรุงศูนย์กีฬา และศูนย์นันทนาการ อยู่แล้วเพราะถูกละเลยมานานบางทีไม่ได้ถูกปรับปรุงตั้งแต่ปี2554 โดยพยายามผลักดันงบลงทุน แต่ปัญหาหลักคือการทำรายละเอียดในเอกสารการประมูลราคา ซึ่งในงบส่วนนี้น่าจะมากที่สุดตั้งแต่ทำมา แต่ก็ขอรับข้อสังเกตและให้สำนักวัฒนธรรมฯ รวบรวมเอกสารอีกครั้ง เพื่อทำงานร่วมกับสำนักงบฯเพื่อที่จะของบโดยเร็วที่สุด หากไม่ใช่ปีนี้ ก็อาจจะเป็นปี 2570

น.ส.นภัสสร พละระวีพงศ์ ส.ก.เขตบางกะปิ อภิปลายทวงถามงบประมาณในการปรับปรุงโรงเรียนในพื้นที่เขตบางกะปิ ว่า หายไปไหนในพื้นที่มีโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพฯ ทั้งหมด 11 แห่ง ซึ่งมีการสลับกันในการของบประมาณ จึงอยากสอบถามถึงงบที่ถูกตัดออกไปเพราะเหตุใด หากเป็นเรื่องของเอกสารอยากจะขอส่งเอกสารเพิ่มเพื่อให้โรงเรียนได้รับงบมาพัฒนาได้หรือไม่

ด้านนายจักรพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. ชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวได้ประสานงานกับผู้อำนวยการเขตแล้วว่าให้แปรกลับเข้ามาหลังประชุมสภากทม.จบ เพราะสำนักงานเขตได้มีการขอมาแล้วแต่ไม่ได้รับการพิจารณา

นางลักขณา ภักดีนฤนาถ ส.ก.เขตตลิ่งชัน ตั้งข้อสังเกตงบสำนักการจราจรกว่า 992 ล้านบาท โดยเฉพาะค่าบำรุงกล้อง CCTV กว่า 223 ล้านบาทว่า มีเกณฑ์วัดมาตรฐานแต่ละพื้นที่อย่างไร คุ้มค่ากว่าการซื้อใหม่หรือไม่ และการจัดจ้างมีความโปร่งใสหรือไม่ รวมถึงตั้งข้อสังเกตค่าเช่าวงจรสื่อสารและไฟฟ้า 179 ล้านบาท ว่าควรรวมระบบบริหารพลังงาน และเหตุผลที่เลือกเช่าแทนซื้อ นอกจากนี้ยังพบความผิดปกติในงบซื้อคอมพิวเตอร์ 4 ล้านบาท ที่มีบริษัทเสนอราคาตั้งอยู่ที่เดียวกัน 2 ราย และงบซื้อม้านั่ง 24 ตัว แต่ในเอกสารกลับระบุ 600 ตัว พร้อมขอให้ตรวจสอบ รวมถึงงบสัมมนา 1 ล้านบาท ควรมีตัวชี้วัดที่ชัดเจน

นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. ชี้แจงเรื่องกล้อง CCTV ว่า มีทั้งกล้องจราจรและกล้องรักษาความปลอดภัย การพิจารณาเลือกจุดขึ้นอยู่กับความต้องการของประชาชน ค่าบำรุงรักษาขึ้นอยู่กับจำนวนกล้องและอุปกรณ์ และค่าเจ้าหน้าที่ การซื้อกล้องใหม่จะได้ความคุ้มค่าในระยะยาวมากกว่า แต่การเปลี่ยนทั้งหมดใช้งบประมาณจำนวนมาก จึงต้องทยอยเปลี่ยนตามงบที่ได้รับ

นายอานุภาพ ธารทอง ส.ก.เขตสาทร ตั้งข้อสังเกตว่าโครงการสวนสาธารณะช่องนนทรีซึ่งใช้งบประมาณปี 2568 จำนวน 980 ล้านบาท แบ่งเป็น 5 เฟส ขณะนี้อยู่ที่เฟส 3 แต่กลับไม่ปรากฏในงบปี 2569 ทั้งที่เดิมตั้งใจให้เป็นแลนด์มาร์ก โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งานน้อย มีคนไร้บ้านพักพิง น้ำในคลองเน่าเสียและสภาพทรุดโทรม จึงขอทราบนโยบายต่อจากนี้ พร้อมเสนอให้ปรับปรุงถนนสาทรเหนือ-ใต้ที่ใช้งานมากและเริ่มชำรุด รวมถึงตั้งข้อสังเกตงบจ้างที่ปรึกษาหลายโครงการเห็นด้วยที่จะใช้บุคลากรภายนอกออกแบบเพื่อเร่งรัดให้รวดเร็วขึ้น

นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. ชี้แจงว่าการก่อสร้างถนนสาทรขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับผิวถนนคืนของการไฟฟ้านครหลวงจากโครงการนำสายไฟลงดิน คาดว่าจะเริ่มทำเดือนตุลาคมนี้ ส่วนทางเท้าจะเริ่มทำเดือนนี้ ส่วนโครงการช่องนนทรียังอยู่ในงบปี 69 ส่วนของการปรับปรุงภูมิทัศน์ จากเดิมที่เป็นสวนรูปแบบจัดเต็มแต่มีปัญหาคนไร้บ้านมาอาศัย ส่วนที่เหลือจะเน้นเรื่องการใช้งานและปลูกต้นไม้ให้ร่มเงาเป็นหลัก เพื่อให้คนได้ออกกำลังกาย

นายพุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ ส.ก.เขตยานนาวา อภิปรายตั้งข้อสงสัยถึงงบสำนักอนามัย ค่าวัสดุวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการและอุปกรณ์วิทยาศาสตร์กว่า 30 ล้านบาท รวมถึงค่าวัสดุพิมพ์เอกสารอีก 5 แสนบาท ว่าเหตุใดจึงมีราคาสูงมากและใช้งานอย่างไร และงบสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในส่วนค่าคุรุภัณฑ์หลายรายการมีราคาตั้งไว้สูงเกินจริง แม้ไม่ถึงเกณฑ์ต้อง E-Bidding แต่เมื่อรวมทั้งหมดเป็นเงินก้อนโต จึงเสนอให้ทบทวนและปรับลด บางรายการประชาชนทั่วไปสามารถซื้อได้ 2 ชิ้นในราคาที่ กทม.ตั้งไว้ 1 ชิ้น จึงควรตรวจสอบความเหมาะสมของราคาอย่างรอบคอบ

นายนภาพล จีระกุล ส.ก.เขตบางกอกน้อย ทวงถามความคืบหน้าโครงการสถานีดับเพลิงสายไหมและทวีวัฒนา โดยรองผู้ว่าฯ ทวิดา ชี้แจงว่าเตรียมเปิดประมูล 6 ส.ค. นี้ คาดก่อหนี้ได้ภายในเดือน ก.ย. ส่วนสถานีดับเพลิงทวีวัฒนาพบว่าค่าใช้จ่ายสูงจากถนนทางเข้า จึงปรับแบบ ลดงบ และหาพื้นที่ใหม่ โดยยืนยันว่ายังไม่ยกเลิกโครงการและอาจแปรงบกลับในงบปี 69 ขณะที่นายนภาพลตั้งข้อสังเกตว่าการถอนโครงการไม่แจ้งสำนักป้องกันฯ ซึ่งเป็นเจ้าของงบ ถือว่าผิดขั้นตอนและควรสอบสวนให้ชัดเจน

นายยิ่งยงค์ จิตเพียรธรรม ส.ก.เขตทวีวัฒนา กล่าวว่าตนได้ไปดูพื้นที่แล้วยอมรับว่าสุดเขตทวีวัฒนา อีกทั้งยังเป็นทุ่งนาอยู่เลย หากทำในพื้นนี้จริงเวลาเข้าออกของรถดับเพลิงใช้เวลามากจึงได้หารือกันว่าจะหาพื้นที่ใหม่ดีหรือไม่

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. ชี้แจงว่าการดำเนินโครงการสถานีดับเพลิงทวีวัฒนามีปัญหาสื่อสารคลาดเคลื่อนระหว่างสำนักการโยธาและสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อีกทั้งแบบเดิมไม่สามารถก่อสร้างได้เนื่องจากพื้นที่อยู่ในเขตเมืองและใกล้ที่อยู่อาศัย รวมถึงค่าถนนทางเข้าสูงถึง 18 ล้านบาท ทำให้ต้องถอนเรื่องเพื่อนำกลับไปทบทวน โดยเสนอพื้นที่ใหม่และปรับลดงบค่าถนนเหลือ 6 ล้านบาท ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จจะเสนอแปรงบกลับเข้าแผนปีงบประมาณ 2569

นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง กล่าวว่า ตนมองว่าแปลกที่ทำไมไม่รีบทำเพราะพื้นที่เดิมเจ้าของมอบให้ทำสถานีดังกล่าว หากเราไม่ท้วงติงประเด็นดังกล่าวอาจจะตกไป ไม่ต้องไปหาที่ไหนแล้วตรงนี้เหมาะที่สุด เพราะให้เรามีศูนย์ป้องกันสาธารณภัยให้เร็วที่สุด

นายพุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ ส.ก.เขตยานนาวา ลุกแสดงความคิดเห็นว่า อยากให้ฝ่ายบริหารไปสำรวจที่ดินแถวนั้น เพราะที่ดินแถวนั้นตอนนี้ยังไม่แพง ติดถนนใหญ่ด้วย ไม่ต้องเข้าซอย ประมาณไร่ละ 20 ล้านบาท เปรียบเทียบกับราคาทำถนนถือว่าเท่ากันท่านตัดสินใจดู
ภายหลังจากที่มีการอภิปรายยาวนานกว่า 6 ชั่วโมง นายวิพุธ ประธานที่ประชุมได้สั่งพักการประชุม และให้มีการพิจารณาต่อในวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม เวลา 10.00 น.
____

ผู้ชมทั้งหมด 96 ครั้ง, ผู้ชมวันนี้ 6 ครั้ง

This Post Has 0 Comments
กรุณาเข้าสู่ระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็น
Back To Top