
สภา กทม. ตั้ง คกก.วิสามัญศึกษาแนวทางตั้งหน่วยงานส่งเสริมคุณภาพการศึกษาโรงเรียนกทม.

วันที่ 22 ตุลาคม 2568 ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สี่ (ครั้งที่ 4) ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยมีนายวิพุธ ศรีวะอุไร ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 (ดินแดง)
.

นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง ได้เสนอญัตติ เรื่อง ขอให้กรุงเทพมหานครตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาแนวทางการจัดตั้งหน่วยงานในการส่งเสริมคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากกรุงเทพมหานครมีหน่วยงานด้านการศึกษา 3 หน่วยงาน คือ 1.สำนักการศึกษา มีอำนาจหน้าที่ในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานประเภทสามัญศึกษาของกรุงเทพมหานคร 2. ฝ่ายการศึกษาสำนักงานเขต มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับงานสารบรรณ งานกิจกรรมนักเรียนในสถานศึกษา ตรวจเยี่ยมโรงเรียนการเจ้าหน้าที่ของข้าราชการครู ฯลฯ และ 3. โรงเรียน มีอำนาจหน้าที่ในการจัดการศึกษา ซึ่งกรุงเทพมหานครมีโรงเรียนในสังกัด จํานวน 437 โรงเรียน
.
นายสุทธิชัย กล่าวต่อว่า ผอ.โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร เส้นทางสูงสุดคือตำแหน่ง ผอ.โรงเรียน เปรียบเสมือนเป็นเพียง “ผู้จัดการสาขา รับนโยบายจากเขต เป็นผู้ใช้นโยบายที่ส่วนกลางคิด” แต่ ผู้อำนวยการโรงเรียนสังกัด สพฐ. เส้นทางตำแหน่งไปสู่ ผอ.เขตพื้นที่ เปรียบเสมือนเป็น “CEO มีอิสระในการตัดสินใจ มีโอกาสเป็นผู้สร้างนโยบาย” ผ่านคณะกรรมการระดับเขต จากผลกระทบทำให้เกิดภาวะสมองไหล ครู กทม. ที่เก่งและมีความสามารถย่อมต้องหาทางย้ายไปเติบโตที่อื่นที่มีโอกาสมากกว่า เนื่องจาก ขวัญกำลังใจที่ตกต่ำ ทำงานโดยมองไม่เห็นอนาคต ทั้งหมดนี้ไม่ได้จบที่ครู แต่ไปจบที่คุณภาพการศึกษาที่ลูกหลานของเราได้รับ “เมืองที่ครูหมดหวัง จะสร้างเด็กที่มีความหวังได้อย่างไร” นายสุทธิชัย กล่าว
.

นางกนกนุช กลิ่นสังข์ ส.ก.เขตดอนเมือง อภิปรายเสริมญัตติว่า การศึกษาสร้างคน ทุกคนมีคุณครูเป็นของตัวเอง คุณภาพทางการศึกษาไม่ใช่แค่เพียงงบประมาณ งานวิชาการ หรือสื่อการเรียนการสอน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณครูที่มีหัวใจเป็นครู หากมีการจัดพื้นที่การศึกษาใน กทม.จะเป็นส่วนสำคัญ เช่น หากแบ่งออกเป็นโซนเขตของกรุงเทพฯ ตั้งเป็นเขตพื้นที่การศึกษาดูแลโรงเรียนในเขต และให้แต่ละกลุ่มเขตจัดการเรียนการสอน นำเสนอต่อสำนักการศึกษา เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหา เสนองานด้านวิชาการ ความพร้อมของเด็กนักเรียนเข้าสู่ระบบการศึกษา ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ระบบการศึกษามีคุณภาพมากขึ้น และอีกสิ่งคือผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กนักเรียนเป็นตัวชี้วัดคุณภาพของโรงเรียน ควรให้ความดีความชอบกับครูและ ผอ.โรงเรียน
.

ด้านนายกิตติพงศ์ รวยฟูพันธ์ ส.ก.เขตทุ่งครุ อภิปรายเสริมว่า คุณครูเป็นผู้ที่รู้ความต้องการของนักเรียน รู้ว่าควรผลักดันด้านไหน ในอีกมุมฝ่ายบริหารที่ดูแลเรื่องการศึกษานั้นย้ายมาจากส่วนงานอื่นที่ไม่ใช่ครูโดยตรง ตนต้องการให้คุณครูที่รู้ปัญหาจริง ๆ สามารถย้ายมาฝ่ายบริหารได้โดยไม่ต้องย้ายไปหน่วยงานอื่นก่อน เพื่อแก้ไขปัญหาให้นักเรียนในสังกัด กทม.
.

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า หัวใจสำคัญของการลดความเหลื่อมล้ำใน กทม. คือการศึกษาและการสาธารณสุข โดยปัญหาเรื่องโครงสร้างที่มีนั้นต้องหาทางแก้ข้อบัญญัติและระเบียบต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีในการตั้งคณะกรรมการวิสามัญฯ ชุดนี้ขึ้นมาศึกษา
.

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงเพิ่มเติมว่า สำนักงานการเจ้าหน้าที่ได้มีการร่างระเบียบเพื่อเทียบเคียงตำแหน่งงานของข้าราชการครูกรุงเทพมหานครกับข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญแล้ว หากมีการเปิดรับสมัครแล้วจะมีกระบวนการตามระบบการคัดเลือกการเทียบคุณสมบัติเพื่อดำรงตำแหน่งต่อไป
.

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า โรงเรียนในสังกัด กทม. อยู่ภายใต้สำนักงานเขต โดยมีสำนักการศึกษาวางแผนแนวทางกว้าง ๆ และติดตาม ประเมินผล ซึ่งปัจจุบันแบ่งออกเป็น 80 เครือข่าย (4-8 โรงเรียน/เครือข่าย) จะมีนักศึกษานิเทศที่เติบโตจากตำแหน่งครูเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งเห็นด้วยกับสมาชิกสกากรุงเทพมหานครที่ควรจะปรับโครงสร้างให้ครูเติบโตในหน่วยงานอื่นได้ ปัจจุบันครู กทม. ลาออกเพียงปีละ 5% ลดลงจาก 10% เพราะมีการเติบโตทางวิทยฐานะได้ ส่วนสรรมถนะของนักเรียน มีการเปลี่ยนแปลงจากเน้นท่องจำเปลี่ยนเป็นนำไปใช้ การนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการเรียนการสอน
.
จากนั้นสภากทม. มีมติตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาแนวทางการจัดตั้งหน่วยงานในการส่งเสริมคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 11 คน กำหนดศึกษาให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน
///////
ผู้ชมทั้งหมด 122 ครั้ง, ผู้ชมวันนี้ 8 ครั้ง


