skip to Main Content
ส.ก.สัณห์สิทธิ์ ชงบูรณาการแนวเขตแม่น้ำเจ้าพระยาป้องกันรุกล้ำ 

ส.ก.สัณห์สิทธิ์ ชงบูรณาการแนวเขตแม่น้ำเจ้าพระยาป้องกันรุกล้ำ 

นายสัณห์สิทธิ์ เนาถาวร เสนอ กทม.กำหนดแนวเขตที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้ชัดเจน ป้องกันการรุกล้ำในอนาคต พร้อมผลักดันงบประมาณแก้น้ำท่วม ส.ก.หลายเขตเห็นด้วยหนุนเต็มที่

.

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สอง (ครั้งที่ 2) ประจำปี 2568 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา นายสัณห์สิทธิ์ เนาถาวร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตวัฒนา ได้ยื่นญัตติ ขอให้กรุงเทพมหานครบูรณาการหน่วยงานที่กำกับดูแลแนวเขตที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อป้องกันปัญหาการรุกล้ำที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

.

นายสัณห์สิทธิ์ ระบุว่า แม่น้ำเจ้าพระยามีความสำคัญต่อการคมนาคม การท่องเที่ยว และชีวิตประจำวันของชาวกรุงเทพฯ โดยมีความยาว 88 กิโลเมตร ตั้งแต่เขตบางบัวทอง จ.นนทบุรี ถึงเขตบางนา จ.สมุทรปราการ อย่างไรก็ตาม พบจุดอ่อนที่เรียกว่า “แนวฟันหลอ” ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เขื่อนป้องกันน้ำท่วมยังไม่สมบูรณ์ถึง 12 จุด จากทั้งหมด 120 จุด ซึ่งส่งผลกระทบต่อการป้องกันน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ลักษณะแอ่งกระทะ

.

“จากข้อมูลของสำนักการระบายน้ำและการลงพื้นที่ พบว่ามีการรุกล้ำที่ดินริมน้ำในหลายจุด ซึ่งอาจเกิดจากความไม่ชัดเจนของแนวเขตที่ดินระหว่างหน่วยงาน เช่น กรมที่ดิน สำนักผังเมือง และสำนักการระบายน้ำ ที่ใช้แผนที่ต่างกัน” นายสัณห์สิทธิ์ กล่าว พร้อมนำภาพเปรียบเทียบแผนที่จากหน่วยงานต่าง ๆ มาแสดงให้เห็นถึงความไม่สอดคล้องกัน

.

โดยนายสัณห์สิทธิ์ เสนอ 3 วัตถุประสงค์หลักของญัตติ ดังนี้

  1. ผลักดันงบประมาณ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและพัฒนาแนวเขื่อนให้สมบูรณ์
  2. เพิ่มข้อมูลให้หน่วยงาน เพื่อให้ข้าราชการมีข้อมูลเพียงพอในการพิจารณางบประมาณและดำเนินงาน
  3. สร้างความเข้าใจแก่ประชาชน เกี่ยวกับแนวเขตที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการรุกล้ำและให้ประชาชนตรวจสอบได้

.

นอกจากนี้ นายสัณห์สิทธิ์ ยังยกตัวอย่างปัญหาการรุกล้ำที่พบระหว่างการพิจารณางบประมาณปี 2568 เช่น การก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมที่ไม่ชัดเจนว่าแนวใดถูกต้อง หรือกรณีที่มีการ “นิรโทษกรรม” การรุกล้ำในอดีต ซึ่งทำให้เกิดความสับสน เสนอให้มีระบบดิจิทัล เช่น ภาพถ่ายทางอากาศหรือแพลตฟอร์มที่ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ว่าโครงสร้างใดได้รับอนุญาตถูกต้องจาก กทม. หรือกรมเจ้าท่า เพื่อเพิ่มความโปร่งใส

.

นายสราวุธ อนันต์ชล ส.ก.พระโขนง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ กทม. มักเผชิญปัญหาเมื่อต้องสำรวจที่ดินเอกชนริมน้ำ เนื่องจากขาดอำนาจทางกฎหมายในการเข้าไปดำเนินการ ส่งผลให้โครงการป้องกันน้ำท่วมล่าช้า และบางพื้นที่เอกชนไม่ให้ความร่วมมือ ทำให้เขื่อนที่สร้างขาดประสิทธิภาพ เสี่ยงต่อการกัดเซาะดินและพังทลายในอนาคต

.

นายอำนาจ ปานเผือก ส.ก.บางแค สนับสนุนให้มีการบูรณาการหน่วยงานเพื่อแก้ไขปัญหาการรุกล้ำ โดยระบุว่า ปัจจุบันมีกฎหมายที่เข้มงวดขึ้น เช่น พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 17) ปี 2560 ที่ห้ามการรุกล้ำลำน้ำโดยเด็ดขาด แต่ยังพบว่ามีใบอนุญาตรุกล้ำที่ออกในอดีตถึง 3,177 ราย ซึ่งอาจมีบางส่วนไม่ถูกต้องตามกฎหมายปัจจุบัน ขอให้ฝ่ายบริหารเร่งตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย รวมถึงปรับปรุงระบบใบอนุญาตให้ทันสมัย

.

นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.จอมทอง เน้นย้ำว่า การรุกล้ำเป็นปัญหายาวนานที่ทำให้เขื่อนป้องกันน้ำท่วมสร้างไม่ได้ตามแผน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมซ้ำซากในกรุงเทพฯ เขาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันแก้ไขเพื่อความปลอดภัยของประชาชน

.

นายกิตติพงศ์ รวยฟูพันธ์ ส.ก.ทุ่งครุ เห็นด้วยกับญัตติและสนับสนุนให้มีการดำเนินการอย่างจริงจัง

.

นายสัณห์สิทธิ์ และ ส.ก.ที่สนับสนุน หวังว่าการบูรณาการหน่วยงาน เช่น กทม. กรมเจ้าท่า และกรมที่ดิน จะช่วยกำหนดแนวเขตที่ชัดเจน ลดปัญหาการรุกล้ำ และเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันน้ำท่วม พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่าริมแม่น้ำเจ้าพระยาจะยังคงเป็นพื้นที่สาธารณะที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างยั่งยืน

.

“ผมไม่มีเจตนาตัดงบประมาณ แต่ต้องการให้ทุกฝ่ายมีข้อมูลที่ชัดเจน เพื่อให้การพัฒนากรุงเทพฯ เดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายสัณห์สิทธิ์ ทิ้งท้าย

ผู้ชมทั้งหมด 296 ครั้ง, ผู้ชมวันนี้ 2 ครั้ง

This Post Has 0 Comments
กรุณาเข้าสู่ระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็น
Back To Top