
สภากทม.ผ่านงบปี 69 วงเงิน 9.2 หมื่นล้านบาท ปรับลดกว่า 6.2 พันล้าน อภิปรายเจาะลึกหลายประเด็น
วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2568 การประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 1) ประจำปี พ.ศ. 2568 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 (ดินแดง) เพื่อพิจารณาญัตติร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในวาระที่สองและวาระที่สาม โดยมีนายวิพุธ ศรีวะอุไร ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม
นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาญัตติร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 รายงานผลการพิจารณาว่า คณะกรรมการวิสามัญฯ มีมติปรับลดงบประมาณรวม 6,273,760,820 บาท แบ่งเป็นงบประมาณรายจ่ายของกทม. 6,227,225,720 บาท และงบประมาณรายจ่ายของการพาณิชย์ของกรุงเทพมหานคร 46,535,100 บาท โดยผู้ว่าฯ กทม. ขอแปรญัตติเพิ่มงบประมาณรายจ่ายบางรายการ ทำให้งบรวมที่ผ่านคณะกรรมการวิสามัญฯ อยู่ที่ 92,783,882,900 บาท โดยการพิจารณาวาระที่สองได้มีการพิจารณาตัด ปรับลดตามที่มีผู้ขอสวงนความเห็นไว้ จำนวน 83,288,840 บาท ทำให้ยอดงบประมาณที่ผ่านคือ 92,700,654,060 บาท
ทั้งนี้ ส.ก. ในฐานะคณะกรรมการวิสามัญฯ ที่สงวนความเห็นไว้ได้อภิปราย อาทิ น.ส.ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ส.ก.เขตบางซื่อ สงวนความเห็นขอให้ตัดโครงการปรับปรุงพื้นที่ชั้น B2 อาคารไอราวัตฯ ของสำนักงานเลขานุการสภา กทม. วงเงิน 43 ล้านบาท และโครงการปรับปรุงระบบเครื่องกลอาคารวงเงิน 55.8 ล้านบาท ชี้ว่าไม่คุ้มค่าและราคาแพงเกินจริง ซึ่งคณะกรรมการวิสามัญฯ ได้มีมติปรับลดงบปรับปรุงพื้นที่ B2 เหลือ 22.6 ล้านบาท และงบปรับปรุงเครื่องกลเหลือ 40.07 ล้านบาท โดยนายสุรจิตต์ ชี้แจงว่า พื้นที่ B2 เป็นพื้นที่ใช้จัดกิจกรรมต่าง ๆ ของหน่วยงานในสังกัดกรุงเทพมหานครแต่ปัจจุบันมีสภาพชำรุดมาก ต้องปรับปรุง ส่วนระบบแอร์เนื่องจากอาคารเก่าตั้งแต่ปี 2549 ทำให้เสียบ่อย ต้องซ่อมใหญ่ ด้านนายพีรพล กนกวลัย ส.ก. เขตพญาไท เห็นว่าเป็นสิทธิของคณะกรรมการวิสามัญฯ ที่จะพิจารณาตัดปรับลด ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามคณะกรรมการวิสามัญฯ ทั้ง 2 โครงการ
ต่อมานายอำนาจ ปานเผือก ส.ก. เขตบางแค สงวนคำแปรญัตติในรายการค่าอาหารทำการนอกเวลาและค่าซ่อมแซมยานพาหนะ โดยเสนอให้ปรับลด 5% เพราะวงเงินสูงและเคยมีข่าวทุจริตการซ่อมรถเมื่อต้นปี 2568 แต่ภายหลังได้รับคำชี้แจงว่าจำเป็นต่อการทำงานหนักของเจ้าหน้าที่ จึงถอนที่ได้สงวนคำแปรทั้งหมด และให้คงไว้ตามร่าง
ส่วนสำนักการแพทย์ นายยิ่งยงค์ จิตเพียรธรรม ส.ก. เขตทวีวัฒนา สงวนคำแปรญัตติ 3 รายการ ดังนี้ 1) เสนอให้ปรับลดค่าครุภัณฑ์โรงพยาบาลกลาง 1.7 ล้านบาท 2) เสนอให้ปรับลดค่าครุภัณฑ์ โรงพยาบาลตากสิน ชุดตรวจวิเคราะห์การนอนหลับพร้อมระบบวิเคราะห์ภาวะชักขณะหลับ 235,000 บาท 3) เสนอให้ปรับลดค่าครุภัณฑ์ โรงพยาบาลตากสิน ชุดกล้องส่องตรวจทางเดินหายใจระบบอัลตร้าซาวด์ 1,000,000 บาท แต่คณะกรรมการวิสามัญฯ ยืนยันให้คงงบตามร่าง สุดท้ายนายยิ่งยงค์ได้ขอถอนการสงวนคำแปรเช่นกัน
สำนักการโยธา นายพุทธิพัชร์ ธัญยาธรรมนนท์ ส.ก. เขตยานนาวา อภิปรายขอคงงบสร้างอาคารสถานีดับเพลิงและกู้ภัย วงเงิน 129 ล้านบาทที่ถูกปรับลดลง 50 ล้านบาท โดยย้ำว่าเป็นโครงการสำคัญต่อความปลอดภัยของประชาชนในย่านบางพลัด–บางอ้อ แม้ยอมรับว่าล่าช้าประมาณ 5% แต่เห็นว่าการตัดงบเกินเหตุ และจะกระทบการก่อสร้างอาคารสูง 7–8 ชั้น ด้านนายสุรจิตต์ ชี้แจงว่า คณะกรรมการวิสามัญฯ ไม่ได้ตัดทั้งก้อน แต่ปรับลด 50 ล้านบาท เพราะโครงการล่าช้ากว่ากำหนดโดยงบที่เหลือยังเพียงพอในการดำเนินการได้ ขยายโครงการไปถึงปี 2570 ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามคณะกรรมการวิสามัญฯ ให้ปรับลด 50 ล้านบาท
ส่วนโครงการจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมดับเพลิงและกู้ภัย ระยะ 1 วงเงิน 6.7 ล้านบาท คณะกรรมการวิสามัญฯ มีมติ ตัดทั้งรายการเนื่องจากเห็นว่าสำนักการโยธามีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเพียงพอสามารถควบคุมเองได้ แต่นายพุทธิพัชร์โต้แย้งว่า บุคลากรอาจมีจำนวนไม่เพียงพอ เพราะมีโครงการก่อสร้างจำนวนมาก สุดท้ายที่ประชุมเห็นชอบตัดงบทั้งก้อนตามคณะกรรมการวิสามัญฯ
นายนภาพล จีระกุล ส.ก. เขตบางกอกน้อย สงวนความเห็น ขอคืนงบเวนคืนถนน จำนวน 2,500 ล้านบาท ที่คณะกรรมการวิสามัญฯ ปรับลด 1,000 ล้านบาท โดยอ้างปัญหาชาวบ้านยังไม่ได้ค่าเวนคืน ทำให้ย้ายออกไม่ได้ ค่าครองชีพสูงขึ้น ส.ก. หลายคนรวมทั้งนายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก. เขตจอมทอง และนายกิตติพงศ์ รวยฟูพันธ์ ส.ก. เขตทุ่งครุ สนับสนุนให้คงงบ เพราะปัญหาจราจรในพื้นที่รุนแรง และประชาชนร้องเรียนต่อเนื่อง ขณะที่นายฉัตรชัย หมอดี ส.ก. เขตบางนา ตั้งข้อสงสัยว่าการ “ขอคืนงบ” หลังถูกตัดไปแล้วจะทำได้หรือไม่ เพราะมีการเขียนไว้ในเล่มงบประมาณแล้ว เพื่อจะเป็นบรรทัดฐานต่อไป นายพีรพล กนกวลัย ส.ก. เขตพญาไท แย้งว่าการปรับลดแล้วไม่ควรขอคืนอีก เพราะการเวนคืนมักล่าช้า มีคดีฟ้องร้อง ทำให้งบเหลือทุกปี ด้านนายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผอ.สำนักการโยธา ชี้แจงว่า การเวนคืนแบ่งเป็น 3 ช่วง โดยช่วงแรก (สุขสวัสดิ์–ประชาอุทิศ) คืบหน้า 90% แต่ยังขาดงบ 300 ล้านบาท ช่วงสอง (ประชาอุทิศ–พุทธบูชา) ขาดอีก 500 ล้านบาท ช่วงสาม (พุทธบูชา–วงเวียนวงแหวนใต้) ยังขาดงบ 1,700 ล้านบาท ยืนยันว่าสามารถเดินหน้าเป็นช่วง ๆ ได้ แม้ไม่ได้เงินเวนคืนครบ ที่สุดผู้สงวนความเห็นก็ยอมถอน พร้อมฝากเร่งรัดการเวนคืนให้ประชาชนได้รับเงินโดยเร็วที่สุด
นายสัณห์สิทธิ์ เนาถาวร ส.ก. เขตวัฒนา อภิปรายถึงงบโครงการปรับปรุงศูนย์อาหาร กทม. ที่ศาลาว่าการ กทม. 2 ว่า ศูนย์อาหารชั้น B1 ต้องปิดตัว เพราะข้าราชการยังไม่ย้ายออกจากศาลาว่าการ กทม. 1 ทำให้สิ่งที่ลงทุนไว้เสื่อมโทรม ปีนี้มีการเสนอใช้งบปรับปรุงเพิ่มเติมแต่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการย้ายบุคลากรมาใช้อาคารดังกล่าว พร้อมตั้งข้อสงสัยต่อ ราคาสายไฟ ฉนวนหุ้มท่อแอร์ ถังดักไขมัน ถังดับเพลิง ที่ราคาสูงกว่าท้องตลาด รวมถึง ถังสูบน้ำ ที่ตั้งสเปกน้อยเกินจริง ทั้งที่ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าสามารถติดตั้งได้หลายชุด ส่วนต่างอาจสูงถึงหลักแสนบาท ส่วนการติดตั้งแอร์ควรเป็นภาระของผู้เช่าหรือภาระงบ กทม. กันแน่ เพราะต้องแบกรับค่าบำรุงรักษาในอนาคตด้วย รายการงบประมาณดังกล่าวแปลกและผิดปกติจึงขอให้ที่ประชุม ตัดงบประมาณลง 30% ด้านนายสุรจิตต์ กล่าวเห็นด้วย จึงมีการปรับลดงบประมาณตามมติของอนุกรรมการฯ ลดลง 1.1 ล้านบาท แต่นายสัณห์สิทธิ์ ยังไม่พอใจ จึงขอให้มีการลงมติ ปรากฎว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามคณะกรรมการวิสามัญฯ
ส่วนงบการจ้างเหมาบริการเพื่อดูแลรักษาซ่อมบำรุงระบบวิศวกรรม นายสัณห์สิทธิ์ อภิปรายเสนอตัดลด 10% เนื่องจากปีที่แล้วก็ของบมาซ่อมอาคารไอราวัตพัฒนา ปีนี้ขอมาอีก ซ้ำซ้อนหรือไม่ และงบที่เคยขอไป ไม่รู้ว่ามีการซ่อมหรือไม่ นายสุรจิตต์ชี้แจงว่างบไม่ซ้ำซ้อน เพราะไม่ได้เป็นงบแค่เพียงอาคารเดียว แต่ดูแลอาคารทั้งหมดภายในพื้นที่ กทม. 2 จึงมีความจำเป็นที่ต้องให้เจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญ ซ่อมบำรุงระบบ ดูแลความปลอดภัยไม่เกี่ยวกับการบำรุงอาคาร เมื่อมีการลงมติ เสียงส่วนใหญ่เห็นชอบตามคณะกรรมการวิสามัญฯ คือให้คงไว้ตามร่างเดิม
ต่อมานายสัณห์สิทธิ์ อภิปรายถึงงบประมาณจัดซื้อวัสดุตกแต่งที่ตั้งไว้ 13 ล้านบาทโดยเสนอให้ปรับลด 6 ล้านบาท ชี้ว่าเอกสารงบไม่ระบุชัดเจนว่าจะนำไปใช้ที่ไหนหรือกี่ครั้งต่อปี การอนุมัติแบบเหมาอาจทำให้ตรวจสอบได้ไม่โปร่งใส ด้านนายสุรจิตต์ ชี้แจงว่างบดังกล่าวมีความจำเป็นสำหรับการจัดกิจกรรมสำคัญ เช่น งานสถาปนา ถวายราชสักการะ ทำบุญตักบาตร และเทศกาลต่าง ๆ จึงเห็นควรให้คงงบไว้ตามร่าง ท้ายที่สุด นายสัณห์สิทธิ์ขอให้มีการลงมติ ผลเสียงส่วนใหญ่ เห็นชอบตามมติกรรมการวิสามัญฯ
นายสัณห์สิทธิ์ ยังได้อภิปรายงบประมาณ เกี่ยวกับระบบตรวจสอบน้ำหนักรถบรรทุกบนสะพาน “Bridge Weight In Motion” (BWIM) โดยตั้งงบรวม กว่า 32 ล้านบาท ครอบคลุม 27 แห่ง โดยเสนอให้ตัดทั้งรายการ เหตุไม่มีแผนงานชัดเจน พร้อมตั้งคำถามผู้บริหารว่า วิเคราะห์แล้วหรือยังว่าทำไมต้องติดตั้ง BWIMข้อมูลที่ได้รับชี้ว่า ไม่เคยมีคดีศาลใดตัดสินจากหลักฐาน BWIM เหมือนตีเช็คเปล่าและอาจเป็นการใช้งบประมาณโดยไม่เกิดประโยชน์ ด้านนายสุรจิตต์ ชี้แจงว่าระบบ BWIM มีประโยชน์ สามารถตรวจสอบการบรรทุกน้ำหนักเกินได้จริงและนำข้อมูลส่งตำรวจเพื่อใช้ดำเนินคดีได้โดยพบว่าสถิติการบรรทุกน้ำหนักเกิน ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ผลการลงมติในที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามกรรมการวิสามัญฯ
ต่อมามีการพิจารณาในส่วนสำนักการระบายน้ำ นายสราวุธ อนันต์ชล ส.ก. เขตพระโขนง สงวนความเห็นงบประมาณในการจัดซื้อเรือไฟเบอร์กลาสเก็บขนมูลฝอย จำนวน 14 ลำ แบ่งเป็นเรือขนาดไม่น้อยกว่า 2X8 เมตร ขนาดไม่น้อยกว่า 50 แรงม้า จำนวน 10 ลำ เป็นเงิน 9,890,000 บาท และ ขนาดไม่น้อยกว่า 2X6 เมตร ขนาดไม่น้อยกว่า 40 แรงม้า จำนวน 4 เป็นเงิน 3,200,000 บาทกว่า 13 ล้านบาท ว่า ตนเห็นประโยชน์จากเรือไฟเบอร์กลาสที่ต้องเก็บขยะในแม่น้ำลำคลองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ แต่ราคาที่แพงเกินไป ทำให้ไม่สามารถปล่อยผ่านได้ และด้วยเงื่อนไขทำให้มีผู้ยื่นประมูลน้อย ส่อฮั้วประมูลได้ ด้านนายสุรจิตต์ ชี้แจงว่าเป็นรายการที่จำเป็นต่อการปฎิบัติงาน เป็นการซื้อทดแทนเรือที่หมดสภาพ เพื่อจัดเก็บขยะมูลฝอยตามแหล่งน้ำได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เป็นการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่บริเวณริมคลอง ขณะที่นายพีรพล อภิปรายสนับสนุนว่า เรือเก็บขยะมีความจำเป็น ปัจจุบันมีขยะจำนวนมาก จึงควรที่จะคงไว้ ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ตัดงบ 13 ล้านบาทเศษตามนายสราวุธ ผู้สงวนความเห็น
ส่วนสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายเอกกวิน โชคประสพรวย ส.ก. เขตราชเทวี ขอสงวนความเห็นรายการเครื่องดับเพลิงยกหิ้วชนิดผงเคมีแห้ง 54 ล้านบาท โดยเสนอให้ ปรับลด 5 ล้านบาท เหตุไม่คุ้มค่า งบปีก่อนราคาถังดับเพลิงเฉลี่ยเพียง 755–838 บาทต่อถัง แต่ครั้งนี้ตั้งงบสูงถึง 1,300 บาทต่อถัง จึงเสนอให้เฉลี่ยเหลือ 1 พันบาทต่อถัง เพื่อประหยัดงบและยังเพียงพอ ด้านนายสุรจิตต์ ชี้แจงว่ารายการดังกล่าวจำเป็นต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งเครื่องดับเพลิงชนิดนี้ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก ส่วนราคาที่เสนอเป็นค่าเฉลี่ยจากการสอบถาม 3 บริษัท แต่ขั้นตอนจัดซื้อจริงยังต้องแข่งขัน ซึ่งราคามักต่ำกว่าราคากลาง จากนั้นสภาลงมติเห็นชอบตามคณะกรรมการวิสามัญฯ คือให้คงไว้ตามร่างเดิม
ในด้านสำนักดิจิทัลกรุงเทพมหานคร นายเอกกวิน ขอสงวนความเห็น เสนอให้ตัดงบ 35 ล้านบาทจากรายการแปรญัตติ ในหมวดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ เห็นว่าโครงการไม่ชัดเจน มีบริษัทเดิมรับงานต่อเนื่องทุกปี และการตอบคำถามไม่โปร่งใส ด้านคณะกรรมการวิสามัญฯ อธิบายว่าเป็นงบสำหรับซื้อลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์และอุปกรณ์จำเป็น เช่น ระบบทะเบียนราษฎร์และบัตรประชาชน 50 เขต แต่ท้ายที่สุดสภามีมติ “เห็นชอบตามผู้สงวนความเห็น” ตัดงบทั้งก้อน นอกจากนี้นายเอกวินและนายพุทธิพัชร์ ยังได้เสนอความเห็นตัดงบจ้างที่ปรึกษาประจำสำนักดิจิทัลฯ (In-house) วงเงิน 34 ล้านบาท โดยชี้ว่ากำหนดคุณสมบัติสูงเกินไป ต้องมีประสบการณ์ 20 ปี เงินเดือนพุ่ง สูงกว่าผู้ว่าฯ กทม. พร้อมตั้งคำถามว่าจ้างเพียงปีเดียว บุคลากร กทม.จะได้ประโยชน์จริงหรือไม่ และอายุ 40–50 ปีอาจไม่ทันเทคโนโลยีใหม่ ควรใช้วิธีอบรมบุคลากรภายในมากกว่า ไม่จำเป็นต้องตั้งที่ปรึกษาราคาแพง นายสุรจิตต์ ชี้แจงว่าเป็นการจ้างเพื่อวิเคราะห์ ออกแบบ และพัฒนาระบบโครงสร้างดิจิทัลรวมถึงแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งที่ประชุมลงมติ เห็นชอบ ให้ตัดงบจ้างที่ปรึกษาทั้งรายการ รวมตัดงบสำนักดิจิทัลฯ เกือบ 70 ล้านบาท
ต่อมาในส่วนของสำนักงานเขต นายฉัตรชัย อภิปรายขอสงวนคำแปรญัตติ เสนอให้ตัดงบโครงการจัดซื้อ Interactive Board สำหรับโรงเรียนสังกัด กทม. 11 เขต รวม 200 ชุด มูลค่า 58 ล้านบาท โดยตั้งข้อสงสัยว่าราคาเฉลี่ยชุดละ 270,000–290,000 บาท แพงเกินจริง เมื่อแยกราคาอุปกรณ์ต่าง ๆ พบว่าต่ำกว่าครึ่งและสามารถจัดหาอุปกรณ์สเปกดีกว่าได้ในราคาถูกกว่า ขณะที่ครูหลายโรงเรียนยังใช้ไม่เป็น ซอฟต์แวร์ที่พ่วงมากับจอเป็นระบบปิด ต่างจากเขตมีนบุรีที่เลือกซื้อแบบเปิด ใช้ Windows 11 และซอฟต์แวร์สากล เชื่อว่าหากเปิดประมูลจริงอาจได้ราคาถูกกว่านี้มาก นายสุรจิตต์ ชี้แจงว่าคณะกรรมการวิสามัญฯ เห็นความสำคัญของอุปกรณ์ดังกล่าวในการสนับสนุนการเรียนรู้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารระหว่างครูกับนักเรียน เป็นเครื่องมือดิจิทัลแห่งศตวรรษที่ 21
น.ส.พิศมัย เรืองศิลป์ ผอ.สำนักการศึกษา อธิบายว่าที่ผ่านมาโรงเรียนบางแห่งจัดซื้อไปเอง แต่เพื่อความเป็นมาตรฐานเดียวกัน สำนักฯ จึงกำหนดหลักเกณฑ์จัดหา 5 ประเภท พร้อมเพดานราคาเพื่อให้โรงเรียนได้ใช้งานอย่างเท่าเทียมและตรงความต้องการ สุดท้ายที่ประชุมมีมติ เห็นชอบตามคณะกรรมการวิสามัญฯ ให้คงงบโครงการนี้ไว้ตามเดิม
ด้านนายสมชาย เต็มไพบูลย์กุล ส.ก. คลองสาน ได้สงวนความเห็นใน 2 รายการ คือ เครื่องดับเพลิงและอุปกรณ์ประกอบเครื่องดับเพลิงและเครื่อง โดยให้ความเห็นว่า ผู้บริหารควรมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันในทุกสำนักงานเขต ซึ่งประธานคณะกรรมการวิสามัญฯ ได้ชี้แจงว่ารายการเครื่องดับเพลิงมีความจำเป็นด้านความปลอดภัยของประชาชนและเครื่องตบดินเป็นการซื้อทดแทนของเดิมที่ยุบสภาพไปแล้ว ซึ่งสำนักงานเขตมีความจำเป็นต้องใช้งาน ในท้ายที่สุดนายสมชายได้ขอถอนการสงวนความเห็น
และหน่วยงานสุดท้าย มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ได้รับการปรับเพิ่มงบ 33 ล้านบาท นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ส.ก. เขตมีนบุรี อภิปรายทักท้วงกรณี 3 หลักสูตรสำคัญทั้งหลักสูตรมหานคร ผู้นำเมือง และบูรณาการ ไม่ถูกบรรจุในงบปี 2569 ซึ่งใช้งบไม่มากแต่สร้างชื่อเสียงให้ กทม. ไม่ควรให้มหาวิทยาลัยไปเบียดงบโรงพยาบาลพร้อมตั้งคำถามคณะกรรมการวิสามัญฯ เหตุใดโครงการนี้จึงหลุดจากการพิจารณา ตัวแทนมหาวิทยาลัยนวมินทร์ฯ ชี้แจงว่าโครงการนี้เสนอเข้ามาและถูกตัดตกไปอยู่ชั้นคณะกรรมการกลั่นกรอง จึงไม่ได้ไปต่อ ด้านประธานสภากรุงเทพมหานครกล่าวว่าตนขอฝากให้ฝ่ายบริหารนำข้อเสนอแนะของนายวิรัตน์ไปพิจารณาเพราะเป็นโครงการที่ดีควรจะทำต่อไป
นายพีรพล กนกวลัย ส.ก. เขตพญาไท หารือในสภา กทม. ชี้คณะกรรมการวิสามัญฯ และอนุกรรมการฯ ได้ตั้งข้อสังเกตหลายประเด็นเกี่ยวกับงบประมาณ เพื่อใช้เป็นข้อเสนอแนะและสะท้อนข้อบกพร่องที่พบ ฝากฝ่ายบริหารนำไปประกอบการจัดทำงบปีถัดไป ไม่ควรมองข้ามข้อสังเกตเหล่านี้ ด้านประธานสภา กทม. กล่าวว่าตนเห็นด้วยและฝากฝ่ายบริหารด้วยเพราะข้อสังเกตตนถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเพราะเป็นการทำงานร่วมกันในการพิจารณาในอนาคต
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาร่างข้อบัญญัติในวาระที่ 3 และมีมติเห็นชอบด้วยคะแนน เอกฉันท์ 47 เสียง ให้ประกาศใช้เป็นข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งเห็นชอบข้อสังเกตของคณะกรรมการวิสามัญฯ โดยจะมีการส่งให้ฝ่ายบริหารพิจารณาดำเนินการต่อไป
นายสุรจิตต์ ได้กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันกลั่นกรองงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ และแล้วเสร็จเรียบร้อยภายในเวลาที่กำหนด
ส่วนนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่าฝ่ายบริหารจะน้อมรับทุกความเห็นไปปรับปรุงกระบวนการพิจารณา เพื่อนำงบประมาณนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนต่อไป
ผู้ชมทั้งหมด 174 ครั้ง, ผู้ชมวันนี้ 2 ครั้ง