
“กิตติพงศ์” แฉ กทม. ใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนเพียบ เตือนโดนฟ้องรัฐเสียหายยับ จี้เร่งจัดหาลิขสิทธิ์ถูกต้อง หวั่นข้อมูลประชาชนรั่ว-ระบบล่มทั้งเมือง “วิศณุ” รับทราบ เร่งเจรจาขอส่วนลด ดันใช้ฟรีแวร์สกัดวิกฤต
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยสามัญ สมัยที่สาม (ครั้งที่ 3) ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา นายกิตติพงศ์ รวยฟูพันธ์ ส.ก. เขตทุ่งครุ เสนอญัตติด่วน ขอให้กรุงเทพมหานครเร่งยกระดับการใช้ซอฟต์แวร์ที่ถูกลิขสิทธิ์ในหน่วยงานสังกัด กทม. พร้อมเพิ่มมาตรการป้องกันความปลอดภัยด้านไซเบอร์ เนื่องจากพบปัญหาการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ในวงกว้าง เสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีและกระทบต่อความมั่นคงของข้อมูลภาครัฐ
นายกิตติพงศ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันแม้ กทม. จะมีนโยบายชัดเจนในการส่งเสริมการใช้ซอฟต์แวร์ถูกลิขสิทธิ์ แต่ในทางปฏิบัติกลับยังพบว่าเจ้าหน้าที่บางคนยังแอบลงซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายเพื่อให้สามารถใช้งานได้ครบถ้วน โดยไม่ผ่านการตรวจสอบหรืออนุญาตอย่างเป็นทางการ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์บางเครื่องใช้ระบบปฏิบัติการ Windows รุ่นเก่า แต่ติดตั้ง Microsoft Office เวอร์ชันใหม่ ซึ่งอาจไม่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ หรือกรณีฝ่ายโยธาในสำนักงานเขตที่ใช้โปรแกรม AutoCAD แต่มีใบอนุญาตเพียง 1 ใบในขณะที่มีผู้ใช้งานหลายคน
“เรากล้าพูดว่าเรามีซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายอยู่ในหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร… ถ้าวันหนึ่งมีคนไม่หวังดีแจ้งจับ กทม. จะเป็นฝ่ายที่โดน ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่ลงโปรแกรมเถื่อน” นายกิตติพงศ์กล่าว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ของ กทม. มีจำนวนหลายหมื่นเครื่อง แต่กลับไม่มีระบบควบคุมหรือจำกัดสิทธิ์การติดตั้งซอฟต์แวร์อย่างเป็นระบบ เปิดช่องให้เกิดการกระทำที่อาจผิดกฎหมายโดยไม่ตั้งใจ
เขายังกล่าวถึงช่องโหว่ของระบบ MIS และระบบบัญชีทรัพย์สินว่า ขณะนี้ยังไม่มีระบบสำรองที่เพียงพอ หากวันหนึ่งเกิดการโจมตีจากภายนอก ระบบอาจล่มทั้งเครือข่าย พร้อมเตือนว่าข้อมูลของประชาชนในระบบของ กทม. มีความเสี่ยงสูงหากมีการติดตั้งซอฟต์แวร์เถื่อนที่ไม่ปลอดภัย
“แม้พวกท่านจะออกนโยบายให้ใช้ซอฟต์แวร์ถูกลิขสิทธิ์ แต่ในทางปฏิบัติเจ้าหน้าที่ไม่มีเครื่องมือหรือซอฟต์แวร์ที่จำเป็นให้ใช้อย่างถูกต้อง ก็ต้องไปหาเถื่อนใช้ แล้ววันหนึ่งถ้าโดนตรวจ เจ้าหน้าที่ไม่โดนหรอก กทม. โดน” นายกิตติพงศ์ กล่าว พร้อมระบุว่า ขณะนี้มีการพูดถึงการฝึกอบรม AI การใช้ ChatGPT หรือเครื่องมือใหม่ๆ แต่พอใช้งานจริงกลับมีข้อจำกัดเรื่องค่าใช้จ่าย บางคนต้องควักเงินตัวเองเพื่อซื้อพรีเมียม
ด้าน นายอานุภาพ ธารทอง ส.ก.เขตสาทร อภิปรายสนับสนุนญัตติ โดยระบุว่าเรื่องนี้ควรเป็นนโยบายพื้นฐานของ กทม. เนื่องจากหากมีการฟ้องร้องหรือเรียกค่าปรับจากการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ในหน่วยงานของรัฐ ผลเสียจะตกอยู่ที่หน่วยงานโดยรวมไม่ใช่ตัวบุคคล พร้อมเน้นย้ำว่าการจัดหาซอฟต์แวร์ในโรงเรียนสังกัด กทม. ทั้ง 437 แห่ง ควรเป็นไปอย่างถูกต้อง เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเรียนการสอนด้านดิจิทัลและการเขียนโค้ดที่กำลังผลักดันในหลักสูตรใหม่
ขณะที่ นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงต่อสภากทม.ว่า กทม. มีนโยบายชัดเจนในการใช้ซอฟต์แวร์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และขณะนี้สำนักดิจิทัลได้ดำเนินการสำรวจความต้องการซอฟต์แวร์จากทุกสำนักงานเขตและทุกสำนัก เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการเจรจากับเจ้าของลิขสิทธิ์ เพื่อขอรับสิทธิใช้งานในราคาที่ถูกลง รวมถึงจะผลักดันให้ใช้ฟรีแวร์หรือโอเพนซอร์สให้มากขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม นายกิตติพงศ์ ยังคงตั้งข้อสังเกตว่า แม้มีนโยบายที่ดี แต่ระบบการควบคุมและความรับผิดชอบกลับยังไม่ชัดเจน “อย่ารอให้มีภาพข่าวขึ้นหน้าหนึ่ง ว่า กทม. ใช้ซอฟต์แวร์เถื่อน แล้วค่อยมาแก้ไข”
__________
ผู้ชมทั้งหมด 124 ครั้ง, ผู้ชมวันนี้ 4 ครั้ง