ส.ก.จอมทอง ห่วงอนาคตเด็ก ขอกทม.พัฒนานักเรียน ต้องอ่านออกเขียนได้และสุขภาพดี
(8 ม.ค. 68) นายวิพุธ ศรีวะอุไร รองประธานสภากรุงเทพมหานคร คนที่หนึ่ง เป็นประธานในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2568 โดยมี สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 ดินแดง
.
นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง ได้ยื่นญัตติ เรื่อง ขอให้กรุงเทพมหานครพัฒนาคุณภาพของนักเรียนโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครให้อ่านออกเขียนได้ และดูแลร่างกายให้มีสุขอนามัยที่ดี โดยกล่าวว่า เนื่องจากโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร 437 แห่ง ได้รับการสนับสนุนงบประมาณในด้านต่าง ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการเรียนการสอน เช่น การจัดหลักสูตรและห้องเรียนดิจิทัล การเปิดสอนหลักสูตรโรงเรียนสองภาษาไทย-อังกฤษ ไทย-จีน การปรับปรุงห้องเรียนปลอดฝุ่น การจัดการศึกษาพิเศษ (เรียนร่วม) การสนับสนุนเทคโนโลยี ฯลฯ ซึ่งโรงเรียนมีการจัดการเรียนการสอนและหลักสูตรเดียวกันสำหรับนักเรียนทุกคน แต่เด็กนักเรียนที่เข้าเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครมีพื้นฐานที่แตกต่างกัน ทั้งสถานะ สภาพแวดล้อม การเลี้ยงดู การอบรมสั่งสอนของผู้ปกครอง ทำให้ยังพบปัญหาเด็กนักเรียนที่อ่านเขียนหนังสือไม่ได้หรืออ่านเขียนได้ไม่เหมาะสมตามช่วงวัย ซึ่งจากข้อมูลสำนักการศึกษาพบว่า 16.43% ของนักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครมีปัญหาเหล่านี้ ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากการขาดแคลนครู หลักสูตรการเรียนการสอน หรือปัญหาครอบครัว นอกจากนี้ยังพบปัญหาการดูแลร่างกายไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น การรักษาความสะอาดของช่องปาก การรักษาความสะอาดศีรษะ เกิดโรคเหาระบาด ฯลฯ ดังนั้น โรงเรียนควรมีการสำรวจและคัดกรองนักเรียนที่มีปัญหาเหล่านี้ และจัดแผนการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับความสามารถการอ่านออกเขียนได้ จัดให้มีการเรียนเสริมเพิ่มเติม รวมทั้งดูแลให้นักเรียนมีสุขอนามัยที่ดี เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ ความสามารถและสุขภาพที่พร้อมกับการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น ได้รับการเรียนการสอนที่มีคุณภาพและมาตรฐานเท่าเทียมกัน
.
สมาชิกสภากรุงเทพมหานครได้ร่วมอภิปรายสนับสนุนในญัตตินี้ ได้แก่ นางสาวกนกนุช กลิ่นสังข์ ส.ก.เขตดอนเมือง กล่าวว่า ขอให้สำนักการศึกษาดำเนินการอย่างจริงจังในการทำให้เด็กไม่เพียงแต่อ่านออก แต่ควรเข้มงวดกับการเขียนสะกดคำได้ตรงตามหลักภาษาไทย ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเรียนเพื่อให้สามารถศึกษาต่อยอดไปได้และทำให้มีผลการเรียนที่ดีได้ต่อไป และคุณครูที่จะมาสอนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครควรเป็นคุณครูที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทางเชี่ยวชาญในวิชาที่สอนอย่างแท้จริง นายเนติภูมิ มิ่งรุจิราลัย ส.ก.เขตบึงกุ่ม ได้เสนอว่าสำนักการศึกษาควรจัดสรรอัตรากำลังด้านการศึกษาให้เพียงพอต่อการทำงานในโรงเรียน คุณครูควรมีหน้าที่ดูแลด้านการเรียนการสอนโดยตรงไม่ควรต้องทำงานจัดซื้อจัดจ้างหรือด้านธุรการอื่นควบคู่ไปด้วย ซึ่งจะทำให้คุณครูมีเวลาในการดูแลนักเรียนทำให้การเรียนการสอนมีศักยภาพมากขึ้น รวมถึงจัดให้มีสวัสดิการแก่บุคลากรด้านการศึกษาของกรุงเทพมหานคร เช่น สวัสดิการบ้านที่อยู่อาศัยดอกเบี้ยต่ำ สวัสดิการเพิ่มค่าครองชีพ เงินรางวัลประจำปี (โบนัส) ที่เหมาะสม เป็นต้น นายกิตติพงศ์ รวยฟูพันธ์ ส.ก.เขตทุ่งครุ ได้กล่าวเสริมเรื่องการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในด้านการเรียนการสอนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น นายวิรัช คงคาเขตร ส.ก.เขตบางกอกใหญ่ ได้กล่าวเสริมประเด็นภาระหนี้สินของคุณครูว่ากรุงเทพมหานครควรมีสวัสดิการในการช่วยเหลือด้านนี้ด้วยเช่นเดียวกัน และนายสมชาย เต็มไพบูลย์กุล ส.ก.เขตคลองสาน กล่าวว่าถ้านักเรียนมีผลการเรียนอ่อนในวิชาภาษาไทย ก็จะเกิดกระทบไปหมดทุกวิชา ซึ่งปัจจุบันมีการใช้ภาษาสแลงเพิ่มมากขึ้น จึงอยากฝากคุณครูควรให้มีการกวดขันที่เข้มงวดด้วย
.
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญในการลดการเหลื่อมล้ำของสังคม ซึ่งฝ่ายบริหารมีความพยายามในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครองในการส่งลูกหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร เช่น การปรับปรุงสวัสดิการครู การคืนครูให้กับนักเรียน การปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอน เป็นต้น
.
นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงว่า ในปีพ.ศ. 2566-2567 นักเรียนของโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครมีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ปกครองในการส่งบุตรหลานเข้ามาเรียน ที่ผ่านมาฝ่ายบริหารก็ได้มีมาตราการส่งเสริมการอ่านออกเขียนได้ คือ มีการติดตามดูแลการเรียนของนักเรียนตั้งแต่ประถมวัย ซึ่งเป็นช่วงที่มีการพัฒนาของสมองส่วนหน้าที่เร็วที่สุด โดยเน้นทักษะ Executive Functions หรือ EF ซึ่งเป็นกระบวนการทางความคิดระดับสูงของสมองส่วนหน้า โดยมีการอบรมครบทั้ง 437 โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร จากการวัดผลมีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างดีและจะขยายไปในระดับอนุบาลต่อไป สำหรับในปีงบประมาณพ.ศ. 2567 คะแนนการอ่านของนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครดีขึ้นอย่างมาก มีค่าเฉลี่ย 83.37% จากค่าเฉลี่ยของประเทศที่อยู่ที่ 79.00% ส่วนในเรื่องสวัสดิการของคุณครูจะมีการสนับสนุนด้านบ้านพักครูให้มากขึ้น มีการพิจารณาการอุดหนุนค่าครองชีพเพิ่มเติม และลดภาระด้านงานธุรการเอกสารลง
.
จากนั้นที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครได้มีมติเห็นชอบและให้ฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานครพิจารณาต่อไป
—————————-
ผู้ชมทั้งหมด 26 ครั้ง, ผู้ชมวันนี้ 12 ครั้ง