
ส.ก. รุมถก ญัตติเรื่องการถอนสภาพทางสาธารณประโยชน์บริเวณถนนราชบพิธ
วันพุธที่ 30 เมษายน 2568 ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สอง (ครั้งที่ 4) ประจำปี 2568 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เสนอญัตติเรื่องการถอนสภาพทางสาธารณประโยชน์บริเวณถนนราชบพิธ (ระยะจากถนนเฟื่องนครถึงถนนอัษฎางค์) เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ในการใช้พื้นที่ดังกล่าว จัดกิจกรรมทางศาสนา ประเพณี และวันสำคัญ เป็นการเอื้ออำนวยในการอนุรักษ์พัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าเกาะรัตนโกสินทร์ โดยกรุงเทพมหานครได้ดำเนินการตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการปฏิบัติในการถอนสภาพ การขึ้นทะเบียน และการจัดหาผลประโยชน์ในที่ดินของรัฐตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2550 โดยนำเรียนให้สภากรุงเทพมหานครพิจารณาให้ความเห็นชอบ
.
นายนภาพล จิระกุล ส.ก. เขตบางกอกน้อย กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าการขอถอนสภาพถนนจะก่อให้เกิดประโยชน์ในด้านใดกับกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันมีการสร้างกำแพงกั้นไว้ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการจัดการให้ชัดเจนว่าเป็นของหน่วยงานราชการใด และจะเป็นประโยชน์แก่กรุงเทพมหานครอย่างไร
.
นายโกศล สิงหนาท ผู้อำนวยการเขตพระนคร ชี้แจงว่า สืบเนื่องจากกระทรวงมหาดไทยมีหนังสือถึงกรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2568 เรื่องการปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบถนนราชบพิธ เพื่อใช้ประโยชน์สาธารณะและพัฒนาเกาะกรุงรัตนโกสินทร์ โดยปัจจุบันสภาพของถนนไม่มีการใช้งาน มีการจอดรถของเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยและผู้ที่มาเยือนวัดราชบพิธ หากถอนสภาพแล้ว จะเปิดเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมของส่วนราชการและประชาชนโดยรอบ
.
นายนภาพล กล่าวว่า ตนเห็นว่าควรมีแผนดำเนินงานที่ชัดเจน ไม่ใช่เพียงขอถอนสภาพไว้ล่วงหน้า และตั้งข้อสังเกตว่าปีหนึ่งจัดงานกี่ครั้งจึงจำเป็นต้องถอนสภาพถนน โดยเปรียบเทียบกับวงเวียนใหญ่หรือเยาวราชที่มีการขออนุญาตปิดถนนจัดงานเป็นครั้งคราว
.
ด้าน นายพุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ ส.ก. เขตยานนาวา สอบถามว่า หากถนนถูกเพิกถอนจากความเป็นทางสาธารณะแล้ว พื้นที่ดังกล่าวจะอยู่ในความดูแลของหน่วยงานใด
.
นายพีรพล กนกวลัย ส.ก. เขตพญาไท กล่าวว่าถนนบางส่วนติดกับวัดราชบพิธฯ และมีบ้านเรือนประชาชนอยู่ หากเพิกถอนสถานะสาธารณะอาจทำให้บ้านเหล่านั้นไม่มีทางเข้าออก กลายเป็นที่ตาบอด ส่งผลต่อมูลค่าทรัพย์สินของประชาชน จึงขอให้มีการพิจารณาและรับฟังความคิดเห็นประชาชนอย่างรอบคอบ
.
นายนภาพล กล่าวต่อว่า ไม่แน่ใจว่าการดำเนินการได้ดำเนินตามขั้นตอนครบถ้วนหรือไม่ โดยเฉพาะการจัดทำประชาพิจารณ์ก่อนเข้าสภา
.
นายชัชชาติ ชี้แจงว่า ถนนที่จะเพิกถอนคือช่วงหน้าวัดราชบพิธเท่านั้น ไม่มีพื้นที่เอกชนได้รับผลกระทบ โดยเป็นไปตามแผนแม่บทของกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากกระทรวงจะย้ายออกไปยังถนนเจริญนคร จึงต้องการจัดภูมิทัศน์ให้กลายเป็นลานกิจกรรมและแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพมหานคร
.
นายโกศล ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ถนนที่ดำเนินการมีความยาว 137 เมตร กว้าง 12 เมตร มีการเชิญประชาชนในพื้นที่ เช่น ชุมชนเฟื่องนครและชุมชนราชบพิธมารับฟังความคิดเห็น ซึ่งพบว่ามีผู้เห็นด้วย 80% และไม่เห็นด้วย 20% จากนั้นได้รังวัดสอบเขตร่วมกับกรมที่ดิน และเสนอให้ผู้ว่าฯ พิจารณา ก่อนส่งเรื่องไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อตั้งคณะกรรมการ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
.
นายอำนาจ ปานเผือก ส.ก. เขตบางแค สอบถามว่า หากถอนสภาพถนนสาธารณะแล้วพื้นที่กลายเป็นของราชพัสดุ แต่ยังคงเปิดใช้งานสาธารณะ ถือว่ามีข้อขัดแย้งในหลักการหรือไม่
.
นายโกศล ชี้แจงว่า เมื่อถอนสภาพแล้ว พื้นที่จะกลายเป็นสาธารณะสำหรับประชาชนใช้ร่วมกัน ไม่ใช่ราชพัสดุ และมีผู้เข้าร่วมประชาพิจารณ์ 60 คน ให้ความเห็น 28 คน และลงพื้นที่เพิ่มเติมอีก 75 คน โดยประชาชนเห็นด้วยรวม 88% ไม่เห็นด้วย 12%
.
นายพีรพล ระบุว่าหากถอนสภาพถนนแล้วพื้นที่ยังเป็นสาธารณะ ก็ไม่จำเป็นต้องถอน และหากจะเป็นพื้นที่ราชพัสดุก็ควรชัดเจนว่าจะนำไปใช้ทำอะไร นายนภาพล กล่าวว่า หากต้องการใช้พื้นที่เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ต้องมีแผนให้ราชพัสดุอนุมัติก่อน และควรชัดเจนว่าจะเป็นการใช้แบบชั่วคราวหรือถาวร เพราะหากเป็นการใช้ครั้งคราวสามารถขออนุญาตได้ตามปกติ นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก. เขตจอมทอง เห็นว่าพื้นที่สาธารณะควรคงไว้เช่นเดิม และฝ่ายบริหารควรชี้แจงเหตุผลความจำเป็นให้ชัดเจน
.
นายชัชชาติ ชี้แจงว่า หากเป็นที่ราชพัสดุจริง ต้องมีการขออนุญาตใช้งาน แม้ขณะนี้ยังไม่มีแผนรายละเอียดที่ชัดเจน
.
นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ส.ก. เขตมีนบุรี เสนอให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาก่อนให้ความเห็นชอบ เพราะฝ่ายบริหารยังชี้แจงไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม นางสาวเมธาวี ธารดำรงค์ ส.ก. เขตปทุมวัน เห็นแย้งว่าไม่ควรตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพิ่มอีก เนื่องจากมีมากแล้วและคำชี้แจงจากฝ่ายบริหารก็เพียงพอ
.
ในเวลาต่อมา นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร เสนอให้คณะกรรมการโยธาและผังเมืองซึ่งเป็นคณะกรรมการสามัญประจำสภากทม.พิจารณา โดยที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครมีมติมอบหมายให้คณะกรรมการโยธาและผังเมืองพิจารณา และเสนอผลการพิจารณาแก่ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครในสมัยประชุมสามัญสมัยที่สาม ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2568
ผู้ชมทั้งหมด 86 ครั้ง, ผู้ชมวันนี้ 8 ครั้ง