skip to Main Content
เปิดสภาวันแรก ส.ก.ร่วมอภิปรายงบกทม.ปี 66 ต่อเนื่อง หลังผู้ว่าฯ ชัชชาติ เสนอร่างข้อบัญญัติกทม. งบ 79,000 ล้านบาท

เปิดสภาวันแรก ส.ก.ร่วมอภิปรายงบกทม.ปี 66 ต่อเนื่อง หลังผู้ว่าฯ ชัชชาติ เสนอร่างข้อบัญญัติกทม. งบ 79,000 ล้านบาท

เปิดสภาวันแรก ส.ก.ร่วมอภิปรายงบกทม.ปี 66 ต่อเนื่อง หลังผู้ว่าฯ ชัชชาติ เสนอร่างข้อบัญญัติกทม. งบ 79,000 ล้านบาท
(6 ก.ค. 65) นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สาม (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2565 โดยมี สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุม ณ อาคารไอราวัตพัฒนา สภากรุงเทพมหานคร ดินแดง
โดยที่ประชุมวันนี้มีวาระสำคัญ ได้แก่ ญัตติของนายนภาพล จีระกุล เรื่อง ขอแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับการประชุมสภากรุงเทพมหานคร พ.ศ.2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และขอให้พิจารณาสามวาระรวดเดียว ซึ่งที่ประชุมให้ความเห็นชอบ ข้อบังคับการประชุมดังกล่าว รายละเอียด อาทิ สภาสามารถเห็นชอบปิดสมัยการประชุมสามัญหรือสมัยประชุมวิสามัญก่อนครบกำหนด 30 วันได้ คณะกรรมการสามัญประจำสภาต้องเลือกจากส.ก. จำนวน 5-12 คน และส.ก.จะดำรงตำแหน่งกรรมการสามัญประจำสภาได้ไม่เกิน 3 คณะ เป็นต้น จากนั้น นายนภาพล จีระกุล และนายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ได้เสนอญัตติ เรื่อง ขอให้กรุงเทพมหานครเร่งรัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเขต(ส.ข.)
เนื่องจากพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 มาตรา 71 กำหนดให้เขตหนึ่ง ๆ ให้มีสภาเขต ประกอบด้วย สมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งมีจำนวนอย่างน้อยเขตละเจ็ดคน ถ้าเขตใดมีราษฎรเกินหนึ่งแสนคน ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเขตในเขตนั้นเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนต่อจำนวนราษฎรทุกหนึ่งแสนคน เศษของหนึ่งแสนคนถ้าถึงห้าหมื่นหรือกว่านั้นให้นับเป็นหนึ่งแสน ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2562 กำหนดให้กรุงเทพมหานครดำเนินการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยในระหว่างที่กฎหมายยังไม่มีผลใช้บังคับ มิให้นำมาตรา 71-80 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 มาใช้บังคับ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนในการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องรวมถึงกรอบเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จแต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมาส.ข.ถือได้ว่ามีความสำคัญ เป็นตัวแทนของประชาชนในการสื่อสารความต้องการในพื้นที่ไปยังผู้อำนวยการเขตและส.ก.เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ดังนั้น จึงขอให้กรุงเทพมหานครเร่งรัดให้มีการเลือกตั้งส.ข.
นายนภาพล กล่าวว่า ส.ก.และส.ข.เป็นผู้ที่ทำหน้าที่ใกล้ชิดกับประชาชนมาก เป็นการกระจายอำนาจให้ประชาชนเลือกผู้แทนมาตรวจสอบ ในระดับล่างสุด ที่ผ่านมารัฐธรรมนูญ และกฎหมายหลายฉบับได้ให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจค่อนข้างมาก และการเลือกตั้งถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนชาวไทย หลายเขตมีพื้นที่กว้างใหญ่แต่มีส.ก.เพียงคนเดียว การเปิดโอกาสให้มีส.ข.จะเป็นเสียงสะท้อนปัญหาในพื้นที่จากประชาชนโดยตรง นำมาสู่การแก้ไขโดยเร็ว
นายสุทธิชัย กล่าวว่า กทม.เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ซึ่งผู้ว่าฯ และส.ก.จะมาจากการเลือกตั้ง ที่ผ่านมาประชาชนได้สอบถามและแจ้งเรื่องร้องเรียนในพื้นที่ผ่านทางสข. เพื่อให้ส.ข.นำประเด็นไปประชุมที่เขต เพื่อให้นำไปสู่การแก้ไข เมื่อชาวบ้านไม่มีที่พึ่ง ถึงเวลาที่ควรมีส.ข.กลับมาดูแลกรุงเทพฯอีกครั้ง
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการประชุม โดยกล่าวว่า จะมีการนำประเด็นการเลือกตั้งส.ข.กลับมาทบทวน และเห็นว่าส.ข.ยังมีความจำเป็นในการดูแลพื้นที่เชิงลึก โดยจะนำรายละเอียดกลับมาพิจารณาอีกครั้ง

กทม.เสนองบประมาณปี 66 แบบสมดุล
จากนั้น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เสนอญัตติร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 พ.ศ. …. ซึ่งกรุงเทพมหานครได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จำนวน 79,000 ล้านบาท โดยเป็นการจัดทำงบประมาณแบบสมดุล (Balanced Budget Policy) เพื่อให้หน่วยงานต่างๆได้มีงบประมาณรายจ่ายสำหรับใช้เป็นหลักในการจ่ายเงินของกรุงเทพมหานคร โดยบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดให้รัฐ พึงจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนต่างๆ ให้สอดคล้องและบูรณาการกัน รวมทั้งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 กำหนดให้การจัดทำงบประมาณประจำปีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องพิจารณาฐานะการคลังความจำเป็นที่ต้องใช้จ่าย งบประมาณ การจัดเก็บรายได้ และต้องทำอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยต้องพิจารณาผลสัมฤทธิ์ ความคุ้มค่า ความประหยัด และภาระทางการคลังที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 สามารถจำแนกด้านตามลักษณะ ดังนี้ การจัดบริการของสำนักงานเขต 17,411.34 ล้านบาท คิดเป็น 22.04% ด้านเมืองและการพัฒนาเมือง 10,559.04 ล้านบาท คิดเป็น 13.37% ด้านการบริหารจัดการและบริหารราชการกรุงเทพมหานคร 14,508.62 ล้านบาท คิดเป็น18.36% ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 10,117.73 ล้านบาท คิดเป็น 12.81% ด้านสาธารณสุข 2,011.80 ล้านบาท คิดเป็น 2.55 % ด้านพัฒนาสังคมและชุมชนเมือง 933.52 ล้านบาท คิดเป็น 1.18% ด้านเศรษฐกิจและการพาณิชย์ 193.95 ล้านบาท คิดเป็น 0.25 % ด้านความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อย 166.35 ล้านบาท คิดเป็น 0.21 % ด้านการศึกษา 644.11 ล้านบาท คิดเป็น 0.81% รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินยืม เงินสะสม 5,128.80 ล้านบาท คิดเป็น 6.49% รายจ่ายเพื่ออุดหนุนหน่วยงานในกำกับ 2,954.01 ล้านบาท คิดเป็น 3.74% และ รายจ่ายงบกลาง 14,370.73 ล้านบาท คิดเป็น 18.19%
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2566 เริ่มกระบวนการตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งตนได้เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565 โดยเป็นช่วงที่ร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ของกรุงเทพมหานครแล้วเสร็จ และจัดส่งให้สภากรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2565 ร่างข้อบัญญัติดังกล่าวที่นำเสนอต่อสภากรุงเทพมหานครได้พิจารณาจากเหตุผลความจำเป็นของการใช้จ่ายงบประมาณ ตามภารกิจ อำนาจหน้าที่ของหน่วยรับงบประมาณ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า ประหยัด และคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจนแผนเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 แผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ระยะ 20 ปี แผนปฏิบัติราชการกรุงเทพมหานคร ประจำปี พ.ศ. 2566 เป็นต้น
“การพิจารณางบประมาณส่วนหนึ่งในเวลาจำกัดยังได้ปรับให้สอดคล้องกับบางส่วนวิสัยทัศน์การบริหารจัดการของกระผม คือ กรุงเทพฯเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน ซึ่งได้นำดัชนีชี้วัดเมืองน่าอยู่ The Global Liveability Index ของ EIU (The Economist Intelligence Unit) เป็นฐานคิดในการพัฒนานโยบายจนนำมาสู่นโยบาย 9 มิติ แผนพัฒนา กว่า 200 ข้อ โดยนโยบาย 9 มิติ ประกอบด้วย มิติสิ่งแวดล้อมดี มิติสุขภาพดี มิติเดินทางดี มิติปลอดภัยดี มิติบริหารจัดการดี มิติโครงสร้างดี มิติเศรษฐกิจดี มิติสร้างสรรค์ดี และมิติเรียนดี” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
ทั้งนี้ในเวลา 14.00 น. นางสาวภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรือง ส.ก.เขตบางซื่อ ในฐานะรองโฆษกสภากรุงเทพมหานคร ได้แถลงข่าวความคืบหน้าการประชุมสภากทม.ในวันนี้ ว่า การประชุมสภากรุงเทพมหานครครั้งนี้ สภากรุงเทพมหานครได้ร่วมกับ Thai PBS ถ่ายทอดสดออนไลน์การประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 3 (ครั้งที่ 1) ประจำปี 2565 ผ่าน เพจ “สภากรุงเทพมหานคร” และ “Thai PBS” โดยในที่ประชุมสภากทม. ส.ก.จะใช้เวลาอภิปรายร่างข้อบัญญัติงบประมาณของกทม.ก่อนรับหลักการ 2 วัน คือในวันนี้ และพรุ่งนี้ (7 ก.ค.65) สำหรับวันนี้คาดว่าจะใช้เวลาอภิปรายถึง 20.00 น. เนื่องจากมีรายละเอียดในการอภิปรายของแต่ละหน่วยงานเป็นจำนวนมาก จากนั้นจะมีการลงมติเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญ เพื่อศึกษารายละเอียดในเชิงลึก พร้อมลงพื้นที่เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาของสภากรุงเทพมหานครต่อไป
สำหรับการอภิปรายช่วงบ่ายวันนี้ ส.ก.หลายท่านได้ร่วมกันอภิปรายและตั้งข้อสังเกตในประเด็นต่างๆ อาทิ ส.ก.สุทธิชัย วีรกุลสุนทร ได้อภิปรายในประเด็นของความเป็นไปได้ของการจัดเก็บภาษีป้ายแบบขั้นบันได เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน การจัดเก็บภาษีป้าย ป้าย LED ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการติดตั้งป้ายโฆษณา หากเก็บภาษีเพิ่มได้เชื่อว่าภาษีจะเข้ากทม.มากขึ้นกว่า 4,000-5,000 ล้านบาท ค่าติดตั้งไฟฟ้าสาธารณะกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเห็นว่าน้อยมากหากเทียบกับพื้นที่กทม.ทั้งหมด และโครงการของสำนักการโยธามีความล่าช้าของการบริหารงบประมาณ โดยส.ก.สุทธิชัย ได้เน้นย้ำว่า งบกลางและงบประมาณปี 66 ซึ่งเสนอมาในครั้งนี้ เป็นงบประมาณที่ผู้ว่าฯท่านเดิมขอมา ไม่ใช่งบประมาณที่ผู้ว่าฯ ท่านปัจจุบัน เป็นผู้นำเสนอ
——————–

ขอบคุณภาพและข่าวจากสำนักงานประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร

ผู้ชมทั้งหมด 419 ครั้ง, ผู้ชมวันนี้ 3 ครั้ง

This Post Has 0 Comments
กรุณาเข้าสู่ระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็น
Back To Top